แน็ต : สวัสดีค่ะ แน็ตจากเพจคนใจหมา วันนี้อยู่ช่วงคุยกับคนใจหมา เรามากับปัญหาน้องหมาไม่ยอมใส่เสื้อ ไม่ใส่ปลอกคอ อารมณ์แบบใส่ปุ๊บแล้วก็จะแข็งไปเลย ใช่ไหม
ปลื้ม : ใช่ค่ะ
แน็ต : คุณปลื้ม มีเวลาให้ 15 นาที เล่ามาเลยว่ามันเป็นอย่างไร
ปลื้ม : ก็คือเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วอ่ะค่ะ แบบว่าคุณยายพาหมาไปทำหมันแล้วมันก็หนีออกจากบ้านไป มันหนีออกไปแล้วหายไปประมาณอาทิตย์หนึ่ง แล้วแม่ไปตลาดก็เลยไปเจอมันพอดี แล้วทีนี้ก็เลยเอามาเลี้ยงที่บ้าน แล้วพอเราเอาเสื้อหมาให้มันใส่ มันก็แบบว่านอนอยู่เฉยๆ ตอนแรกเราก็เข้าใจว่ามันหนาวมันก็เลยนอนอย่างนั้น แต่ที่จริงแล้วมันกลัว เหมือนแบบว่าใส่ปุ๊บมันไม่กล้าลุกไปไหนอ่ะค่ะ แล้วพอเหมือนปลอกคอ เราแบบอยากให้มันเหมือนเป็นหมามีเจ้าของงี้ เราเลยใส่ให้มัน แล้วมันก็ไม่ยอมไปไหนเหมือนกับเสื้ออ่ะค่ะ เพราะแบบเหมือนมันกลัวเหมือนเคยโดนทอดทิ้งอะไรอย่างนี้ มันก็เลยไม่กล้าใส่ ก็เลยคิดว่าอย่างนี้
แน็ต : โอเค มันเป็นเรื่องปกติเนาะสำหรับหมาที่ขี้กลัว ที่ว่าใส่เสื้อหรือปลอกคอ หรือใส่สายจูงหรือใส่อะไรไปอย่างนี้ เขาจะเข้าโหมดปิดตัวเอง คือบางตัวมันก็เลือกที่จะสู้ คือพอใส่ปุ๊บมันเลือกที่จะทิ้งเลย หมาบางตัวเลือกที่จะปิดตัวเอง คือ เขาเรียกว่า shutdown mode ไปเลย คือนอนนิ่งๆ ไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว อยู่ตรงนี้แหละ ไม่กล้าขยับ ไม่กล้าอะไรเลยประมาณนี้
ปลื้ม : ใช่ค่ะ
แน็ต : มันเป็นเรื่องปกติ คือหมาเขาก็ไม่รู้เนาะว่าใส่เสื้อให้เขาทำไม เขาไม่รุ้ว่าเรากำลังไม่หนาวเรื่องไม่อยากให้หนาวอะไรประมาณนี้ แต่คือในความคิดของหมาน่ะ มันเป็นอะไรบางอย่างที่เข้ามาแล้วมันกำลังรัดตัวเขาอยู่ เพราะฉะนั้นหมาน่ะ ถ้าขี้กลัวอยู่แล้ว มันเหมือนไม่ใช่ธรรมชาติหมาน่ะ มันไม่สบายตัวอะไรอย่างนี้ แล้วถ้าใส่อยู่ที่คอมันจะรู้สึกเหมือนเอาอะไรมารัดคอเขา นึกออกไหม
ปลื้ม : ค่ะ
แน็ต : โอเค เพราะฉะนั้นไอเรื่องเหตุผลที่เขาเป็นแบบนี้เนี่ยมันไม่เกี่ยวอะไรเลยกับที่เขาเคยโดนทิ้งมาก่อน
ปลื้ม : แต่ก่อนมันยอมใส่ปลอกคอค่ะ แต่ทีนี้พอมันหายออกจากบ้านไปแล้วมันก็ไม่ยอมใส่ แล้วหมาตัวนี้ ตอนเวลามันเจอเรา มันก็ดีใจแล้วมันก็ชักไปอ่ะค่ะ ชักแบบ อยู่ๆก็นอนชักไป พอเราไปนวดๆมันมันค่อยดีขึ้นน่ะค่ะ มันก็เลยไม่รู้เป็นอะไร
แน็ต : ถ้าชักนี่มันคือต้องไปหาหมอแล้วล่ะคุณน้อง
ปลื้ม : เอาไปถามแล้วค่ะ หมอบอกว่ามันอาจจะเป็นโรคหัวใจ
แน็ต : เป็นไปได้ๆ เพราะถ้าถึงขั้นชักเลยเนี่ยมันไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว ครูฝึกสุนัขไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยตรงนี้ เพราะเป็นเรื่องของร่างกายแล้วไม่ใช่นิสัย แต่มันเป็นไปได้เหมือนกันที่เมื่อก่อนใส่ปลอกคอแล้วไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ใส่ปลอกคอแล้วหมากลัว มันเป็นไปได้ว่าตอนที่แล้วที่ใส่ปลอกคอ ตอนที่เขาหนีไป ปลอกคอมันไปเกี่ยวกับอะไร มันดิ้นๆแล้วมันไม่หลุดน่ะ แล้วหมามันขี้กลัวอยู่แล้วมันเลยกลายเป็นประสาทไปเลยอะไรประมาณนี้ แล้วเขาก็จะเริ่มกลัวแล้วกับสิ่งที่มาอยู่รอบๆคอเขา
ปลื้ม : ค่ะ
แน็ต : มันจะคล้ายๆกับหมาบางตัวที่เมื่อก่อนนั่งอยู่ในรถได้ไม่มีปัญหา แต่พอเคยผ่านประสบการณ์ที่โดนรถชนอะไรอย่างนี้ คือนั่งอยู่ในรถที่มีการชนกัน ตั้งแต่นั้นมาหมาจะกลัวรถ คือมันอารมณ์เดียวกัน ประมาณนั้น
ปลื้ม : ค่ะ
แน็ต : พี่แนะนำว่าถ้าเขาเคยใส่ปลอกคอได้อยู่แล้วเนี่ย ก็ไม่น่ามีปัญหา คือ ณ ตอนนี้เราแค่ต้องสอนให้เขาเข้าใจว่า เฮ้ย ปลอกคอมันไม่ได้มาทำร้ายร่างกายคุณนะ
ปลื้ม : สอนอย่างไรหรอคะ
แน็ต : ใช่ๆ คือกำลังจะบอกไง รอหน่อย คือเอามาปุ๊บอย่าเพิ่งไปรัดคอเขาเลย คือเราเอามา สมมตินี่คือปลอก เราปิดให้มันติดคออย่างนี้ แต่ยังไม่ได้ล็อกเข้าไปนะ ให้เขารู้ว่าปลอกคอทาบมาแล้วเอาออก แล้วก็ให้ขนมเขากิน
ปลื้ม : อ๋อ
แน็ต : นึกออกไหม
ปลื้ม : ค่ะ
แน็ต : ทีนี้เอาใหม่ ใส่เข้ามาใหม่ แต่ยังไม่ล็อค เหมือนเดิมนะทุกอย่างยังไม่การล็อคเลยนะ เพราะแค่เราเอาพาดคอเขาหมาบางตัวก็เริ่มสั่นแล้วแหละ
ปลื้ม : ค่ะ
แน็ต : คือตอนนี้เรากำลังจะสอนเขาแล้วว่าปลอกคอทุกครั้งที่มันมา มันไม่ได้จะมาล็อคคอคุณตลอดเวลา นี่คือขั้นแรกที่เราจะสอนเขา บางคนเขาก็จะเอาปลอกคอมาถูขอบๆคอหมา เหมือนเวลาเราเอามือลูบหัวหมา แต่เราใช้เป็นปลอกคอแทน เอามาถู ให้เขารู้ว่ามันไม่มีอะไรนะ ปลอกคอมันมาดีนะ มันไม่ได้มีอะไรเจ็บปวดที่จะมาทิ่มแทงเธอให้ตาย อะไรประมาณนี้
ปลื้ม : ค่ะ
แน็ต : คือเราอธิบายเป็นคำพูดให้หมาฟังไม่ได้หรอก หมาจะต้องมีประสบการณ์ฐานเรื่องพวกนี้ของเขาเองให้เขารู้ว่าวัตถุชิ้นนี้มันปลอดภัยนะ
ปลื้ม : ค่ะ
แน็ต : เพราะฉะนั้นเราต้องทำไงก็ได้ เอามาถู เอาใส่ไว้ก่อน แล้วให้ขนมเขากิน ให้เขารู้ว่าการที่ของชิ้นนี้มาคุณจะได้ขนมกินนะ นึกออกไหม จนกระทั่งเขาเริ่มชินแล้วว่า พอมันมาปุ๊บตัวเขาไม่เครียดแล้ว พอเอาอันนี้มาทาบคอปุ๊บเขาแบบนั่งตาแบบประมาณว่ารอของกินน่ะ แสดงว่าอันนี้เริ่มเข้าขั้นตอนที่สองได้ ก็คือใส่ปุ๊บแล้วก็ล็อค ล็อคเสร็จปุ๊บนับ 1 2 3 ถอดออก แล้วก็ให้ขนมหมากิน
ปลื้ม : อ๋อ ค่ะ
แน็ต : หมาก็จะรู้ว่า อ๋อ ไอ้ชิ้นนี้มันเข้ามาในคอฉัน มันก็ออกเหมือนกันนะ คือมันไม่ได้อยู่ตลอดชีวิต ทั้งที่ปลอกคอเราก็ต้องการให้มันใส่ไปตลอดนั่นแหละ แต่คือเรากำลังจะอธิบายให้หมารู้ว่าทุกครั้งที่มันเข้ามา มันก็ถอดออกได้เหมือนกันนะ อะไรประมาณนี้
ปลื้ม : แล้วเสื้อล่ะค่ะ
แน็ต : ใช้อารมณ์เดียวกันเลย แต่แค่เสื้ออาจจะไปสวมเลยมันก็กระไรอยู่ พี่คงแนะนำว่าเสื้อน่ะ เอามาถูตัวเขาก่อน ให้เขารู้ว่าของชิ้นนี้มันไม่มีอะไรนะ มันก็เป็นเหมือนผ้าผืนหนึ่ง ให้เขาดมๆ อย่าเพิ่งใส่เลยก็ได้ ให้เขานอนกับเสื้อเขาก่อน หมาบางตัวพอเอาวัตถุแปลกปลอมเข้าไปในที่นอนเขาอย่างนี้ เขาจะไม่แตะเลยก็มี เราเอาขนมหรืออาหารเปียกงี้ทาบนเสื้อหน่อยก็ได้ ให้เขาสนใจว่าสิ่งนี้มันคืออะไร คือถ้าน้องปลื้มวางเสื้อปุ๊บ แล้วหมาทำท่าดมน่ะ แบบนี่มันอะไรอ่ะ อันนี้คือดีละ คือเขากำลังสนใจว่าวัตถุชิ้นนี้คืออะไร แต่ของเคสน้องปลื้มมีเปอร์เซ็นที่ว่าพอวางเสื้อปุ๊บ หมาจะทำท่างี้ ไม่สน ไม่รับรู้ มันเป็นอะไรสักอย่างที่ไม่ต้องการจะเห็น ไม่มองไป ไม่มีปัญหา อะไรประมาณนี้
ปลื้ม : ใช่เลยค่ะ
แน็ต : เพราะฉะนั้นเราถึงต้องขนมหรืออาหารมาทา ให้เขามาสนใจแทน เสร็จแล้วก็ใช้อารมณ์เดียวกัน ถ้าเขาเข้ามากินๆหรือมาเลียอย่างนี้ หรือเราเอาเสื้อหมามาวางตักเราก็ได้แล้วให้หมามา ให้เขามาเล่นบนตักเราน่ะ เขาก็จะมีการสัมผัสกับผ้าแล้ว เขาก็จะรู้ว่าไอ้นี่มันไม่ใช่เรื่องอันตราย พอเขาคุ้นชินตรงนั้นแล้วเราค่อยสวมคอ อย่าเพิ่งใส่ขานะ เอาแค่คอก่อน พอใส่คอปุ๊บ นับ 1 2 3 ถอดออกแล้วให้ขนมกิน
ปลื้ม : อ๋อ ค่ะ โอเค
แน็ต : หรือไม่ก็ใส่คอปุ๊บ แล้วเราก็ให้ขนมกินเลยก็ได้ ถ้าสมมติว่าใส่คอแล้วให้ขนมแล้วเขายอมกิน แสดงว่ายอมกิน แสดงว่าโอเค ใส่ขาได้เลย ใส่ขาหนึ่งข้างเสร็จ ให้ขนม กินไหม ถ้ากินก็ใส่ขาอีกข้างเสร็จ จบแล้วไม่มีปัญหา
ปลื้ม : ถ้าไม่กินเลยล่ะค่ะ
แน็ต : ถ้าไม่กินนั่นแปลว่าหมาเขายังเครียดอยู่ เราก็ต้องถอยกลับไปตั้งหลักใหม่ ถ้าใส่คอปุ๊บ ยังไม่ถอดนะ เราให้กินแล้วหมาไม่กิน เราก็เอาใหม่ ก็ใส่คอ 1 2 3 แล้วเราก็ถอดออก เราก็ใส่ไปใหม่ 1 2 3 แล้วเราก็ถอดออก
ปลื้ม : ค่ะ
แน็ต : คือมันต้องทำแบบช้าๆเลยแหละ คือกับหมาที่ขี้กลัวนะ คือต้องทำใจ ต้องมีความอดทนกับมันแบบสูงมาก เพราะที่บ้านพี่ก็มีตัวหนึ่ง อารมณ์เดียวกันเลย พอใส่เสื้อปุ๊บ shutdown เลย แบบแข็งเลย พอใส่ปุ๊บแล้วก็จะล้มตึ้งลงไปเลย แบบไม่ไปไหนแล้วๆ กลัวมาก อะไรอย่างนี้ เพราะฉะนั้นมันใช้เวลามาก อาทิตย์หนึ่งได้กว่าเขาจะยอม ที่ว่าใส่เสื้อแล้วอยู่ได้สบายๆน่ะ
ปลื้ม : อ๋อ ค่ะ
แน็ต : นั่นแหละ เรพาะฉะนั้นเราก็ต้องมีความอดทนให้ได้มากกว่าหมา คืออย่าไปตีเขานะ อย่าไปดุแบบทำไมไม่ใส่วะ อย่าไปโวยวายอย่าไปอะไร คือถ้าเราเริ่มมีความรู้สึกว่าเราลองสอนเขาแล้วเราใส่ในคอเขา เขาสั่น แล้วเราคนสอนเริ่มมีความรู้สึกว่าเริ่มหมดความอดทนกับหมาตัวนี้แล้ว ไม่ไหวแล้ว อะไรจะยากขนาดนั้นวะ พี่แนะนำว่าให้หยุด อย่าสอนต่อ เพราะถ้าตัวเราไม่สงบ ถ้าตัวเราเริ่มเครียด เริ่มหงุดหงิดอะไรอย่างนี้ หมาเขาจะไม่ไว้ใจเรา
ปลื้ม : ค่ะ
แน็ต : เขาไม่ไว้ใจวัตถุชิ้นนั้นอยู่แล้ว เขาไม่ไว้ใจปลอกคอ เขาไม่ไว้ใจเสื้อ คนที่นำเสนอของชิ้นนี้ให้เขาก็ไม่น่าไว้ใจเหมือนกัน เพราะดูวุ่นวาย ดูงุนงง มันก็ไปกันใหญ่ นึกออกไหม
ปลื้ม : อ๋อ ค่ะ
แน็ต : นั่นแหละ เพราะฉะนั้นท่านจงจำไว้ว่า สงบไว้ก่อน ถ้าเรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ วันนี้เหนื่อย วันนี้ไม่ไหวแล้วโว้ย ก็หยุด ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะหนาวตาย คือพี่เข้าใจว่าเคยมีประสบการณ์หมาหนาวตายใช่ไหม
ปลื้ม : ใช่ค่ะ
แน็ต : พี่จะแนะนำเป็นว่าถ้าเกิดเขาไม่ยอมจริงๆ หาเป็นผ้าห่ม เอาผ้าห่มเย็บทำให้มันเป็นเหมือนปลอกหมอน แล้วให้เขาเลือกที่จะเอาตัวเข้าไปซุกข้างในแทน คือหมามันมีสัญชาติญาณการเอาตัวรอดของเขามี เขากลัวก็จริง แต่ถ้าสุดท้ายแล้วมันหนาวจะตายแล้ว เขาจะต้องหาทาง เขาจะไปขุดดิน เขาจะไปนอนในดินแทน คือเป็นเรื่องปกติของหมา เขาก็จะไปหากองกระดาษ กองผ้า หรือกองฟางกองอะไรสักอย่างที่เขานอนแล้วเขาอุ่นตามธรรมชาติของเขาเอง
ปลื้ม : ค่ะ
แน็ต : เพราะว่าพี่มีเหมือนกันที่ถามมาว่าหมาใส่เสื้อไปแล้วกัดทิ้ง แล้วเราจะใส่ไปทำไม เราไม่เคยสนับสนุนให้เอาเสื้อมาใส่ให้หมาเลย แต่ถ้าที่ขอนแก่นมันหนาวขนาดนั้นก็ต้องสอนมันน่ะเนาะ แต่ก็ต้องจำไว้ว่ามันต้องใช้เวลา
ปลื้ม : ค่ะ แล้วหมาตัวนี้ค่ะ อยู่ๆมันก็ไม่กินข้าว แล้วมันก็ผอมลงเลยค่ะ ให้อะไรก็ไม่กิน ไม่รู้มันเป็นอะไร
แน็ต : ให้อะไรก็ไม่กินนี่คือสิ่งที่เคยกินเมื่อก่อน ตอนนี้ไม่กิน
ปลื้ม : ก็ไม่กินค่ะ
แน็ต : ถ้าให้เป็นตับ ให้เป็นเนื้อไก่อะไรพวกนี้กินไหม
ปลื้ม : ไม่ค่ะ แบบอยู่ๆมันก็ไม่สนใจอะไรเลย มันก็ไปนอนเฉยๆ แล้วมันก็ผอมลงมากจนเห็นกระดูกเลยค่ะตอนนี้
แน็ต : ซึ่งเขาป่วยไหมเนี่ย
ปลื้ม : ไม่นะคะ เคยไปตรวจแล้วหมอบอกว่าไม่ป่วย
แน็ต : ตรวจเลือดหรือยัง
ปลื้ม : ก็พาไปคลินิกเลยค่ะ เขาก็บอกว่ามันก็สุขภาพดี
แน็ต : เพราะถ้าหมาส่วนใหญ่ถ้าไม่กินขั้นนั้นน่ะ คือข้างในเขาไม่สบาย มันเหมือนคนน่ะ ถ้าเรารู้สึกไม่สบายเราก็ไม่อยากกินอะไรนึกออกไหม
ปลื้ม : ค่ะ
แน็ต : หมามันก็เป็นเหมือนกัน เขาก็จะเป็นแบบนั้นเป็นระบบของเขา เขาจะไม่กิน นี่คือสาเหตุแรกนะเกี่ยวกับร่างกาย แต่ถ้าไปหาสัตว์แพทย์แล้ว สัตว์แพทย์เช็คอุณหภูมิ เช็คเลือดแล้วปกติไม่มีปัญหาอะไร อย่างที่สองที่เป็นไปได้คือเขาเครียด เพราะหมาเครียด หมากลัว จะไม่กิน ทีนี้เราก็ต้องมาดูแล้วว่าทำไมถึงเครียด ทำไมกลัว แถวนี้มันมีอะไรทำให้แกกลัว นึกออกไหม
ปลื้ม : อ๋อ ค่ะ
แน็ต : ทีนี้เราก็ต้องมานั่งดูองค์ประกอบแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมหมาตัวนี้ถึงรู้สึกเครียดกับสถานการณ์ ณ ตรงนี้
ปลื้ม : อ๋อ มันอาจจะมีหมาที่เลี้ยงคู่กันค่ะ คือตัวนั้นมันก็จะอ้วนๆ แล้วมันก็ชอบแย่งของกินของหมาอีกตัวกินน่ะค่ะ มันก็อาจจะแย่ง แล้วทีนี้พอหมาอีกตัวหนึ่งมาเดินใกล้ๆ หมาก็จะขู่ทันที ตัวที่ไม่ยอมกินข้าวมันก็จะขู่หมาที่มาแย่งกิน
แน็ต : ถ้างั้นลองให้กินแยกเลยค่ะ แยกกันกินเลยดูสิว่ากินไหม ถ้าเกิดแยกกันปุ๊บโดยที่ไอ้ตัวที่ขี้กลัวเนี่ยไม่เห็นอีกตัวหนึ่งนะ ถ้าเขากินก็แสดงว่าอันนั้นน่ะคือเหตุผล แล้วถ้าอันนั้นมันคือเหตุผล วิธีแก้คืออะไร เราในฐานะเจ้าของบ้าน ในฐานะจ่าฝูง เราต้องเป็นคนบอกว่าใครกินใครไม่กิน อันนี้เนี่ย ถ้าไปเช็คหน้าเพจของพี่มันจะมีวิดีโออันหนึ่งอยู่ สอนเกี่ยวกับวิธีให้อาหารหมา ในกรณีที่หมากัดกัน
ปลื้ม : ดูแล้วค่ะ
แน็ต : เราก็จะใช้วิธีนั้น นั่นคือไอ้ตัวที่ขี้กลัวเราก็ต้องจนกว่าเขาจะกิน เขาต้องข้ามผ่านความกลัวเขาตรงนั้นให้ได้เพื่อที่จะกิน เพื่อที่จะยอมกินข้าว แต่ถ้าแยกกันออกมาแล้วยังไม่กิน แสดงว่าอันนั้นไม่ใช่สาเหตุละ อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุ แต่ตอนนี้คืออะไรคือสาเหตุ บางทีมันเป็นเรื่องปัญญาอ่อนมากเลยนะ แค่มีตุ๊กตาช้างวางอยู่ข้างๆมันก็ไม่กิน
ปลื้ม : ค่ะ
แน็ต : เออ คือหมากลัวตุ๊กตาช้างอะไรประมาณนี้ เป็นไปได้เหมือนกัน
ปลื้ม : ค่ะ
แน็ต : เพราะฉะนั้นเราก็ต้องดูว่าคืออะไร ถ้าให้ดี น้องปลื้มถ่ายเป็นวิดีโอมาก็ได้ให้เห็นเป็นองค์ประกอบรวมๆแล้วส่งมาให้พี่ดูอีกทีหนึ่ง แล้วพี่จะได้ช่วยเช็คให้ว่ามันน่าจะกลัวอะไร
ปลื้ม : ค่ะ เดี๋ยวต้องลองกลับบ้านก่อน
แน็ต : ได้ ไม่มีปัญหา ถ้าอย่างไรน้องปลื้มไปลองฝึกดูนะคะ แล้วน้องปลื้มติดต่อพี่กลับมาอีกทีนะ
ปลื้ม : ได้ค่ะ
แน็ต : โอเค ขอบคุณมากค่ะ สวัสดีค่ะ