แน็ต : สวัสดีค่ะ วันนี้อยู่ช่วงคุยกับคนใจหมา วันนี้เรามี co-host ขึ้นมา 1 คน ชื่อว่าหมอพีซ
หมอพีซ : สวัสดีค่า
แน็ต : จำไว้ว่าพีซ ซ.โซ่นะ ไม่ใช่ ช.ช้าง วันนี้เนี่ยเราจะทำ podcast กันน่ะ podcast เรามันก็จะ วิดีโอไม่ได้ถ่าย ไม่ต้องทำท่า podcast เรามันจะแนวประมาณว่า ให้ความรู้ทั้งเรื่องสุขภาพน้องหมา และเรื่องการปรับพฤติกรรมน้องหมา เลี้ยงหมายังไงไม่ให้ดุ เลี้ยงหมายังไงให้สุขภาพแข็งแรง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกคนต้องทำใจก่อนนะว่ารายการนี้เนี่ย อาจจะไม่เหมาะกับเด็กอายุต่ำกว่า 18 18 บวกเท่านั้น ไม่ได้มีสื่อลามกอนาจารอะไร แต่คำพูดค่อนข้างจะแรงกันนิดนึง เพราะเราสองคนนั้น ไม่สามารถคุยกันนิ่มๆได้ ใช่ไหม
หมอพีซ : ใช่ค่ะ เพราะว่าอาจจะต้องใช้เวลาแปลนานนิดนึง ถ้าเกิดว่านิ่มเกินไปเนาะ
แน็ต : เพราะฉะนั้นอาจจะมี กู มึง เหี้ยห่าหอกเหว อะไรออกมา แต่ส่วนใหญ่น่าจะออกมาจากทางแน็ตมากกว่าหมอพีซ
หมอพีซ : ไม่ขนาดนั้น
แน็ต : แต่นั่นแหละ ทั้งนี้ทั้งนั้นวันนี้ Episode แรกเราจะมาคุยกันเรื่อง 5 ข้อ ที่สัตวแพทย์อยากจะบอกเจ้าของใจจะขาดเลย แต่ไม่กล้าบอกกลัวโดนเจ้าของตบกลับมา
หมอพีซ : ไม่กล้าค่ะ นี่ก็เสี่ยงเหมือนกันนะคะเนี่ยที่มานั่งพูดกันในวันนี้ แต่ก็ไม่เป็นไร เพื่อทุกคนจะได้รู้นะคะว่าหมอมีความในใจอะไรที่อยากจะบอกเนาะ
แน็ต : เพราะทั้งหมดทั้งปวงมันก็เพื่อความปลอดภัยของหมาถูกไหม
หมอพีซ : ใช่ค่ะ และเจ้าของเองด้วย
แน็ต : ใช่ อ่ะ ข้อที่ 1
หมอพีซ : ข้อที่ 1 เนี่ย หมออยากจะบอกว่า เวลาเจ้าของมาในโรงพยาบาลหรือว่าคลินิกเองก็ตามค่ะ หมอเนี่ยก็เรียงตามคิวอ่ะจริงๆ แต่ว่าถ้าเกิดว่ามีเหตุฉุกเฉินปุ๊บเนี่ยหมอจะต้องเรียงตามความฉุกเฉินทันทีนะคะ เหมือนตอนเราแบบไปที่โรงพยาบาลอย่างนี้ พี่แน็ต เราก็รู้สึกว่าเราเนี่ยเจ็บมากแล้ว แต่ว่าทำไมเขาถึงไม่เรียกเราสักที แต่เราไม่รู้หรอกว่าในห้องมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง อาจจะมีคนกำลังจะตายแล้วหรือว่าหายใจไม่ออกแล้ว ที่ฉุกเฉินมากกว่าเรานะคะ แล้วหมาก็เป็นเหมือนกัน ทีนี้เจ้าของจะคิดว่าแบบ โอ๊ย ลูกฉันปวดท้องจะตายอยู่แล้ว อะไรอย่างนี้ แต่ที่จริงอ่ะ เคสที่หมอเรียกเข้าไปอาจจะเป็นเลือดไหลไม่หยุด อะไรอย่างนี้ก็ได้ ที่ฉุกเฉินมากกว่าเรา ทีนี้ก็อยากให้ประเมินลูกของแต่ละคนนะคะ คร่าวๆว่าฉุกเฉินเนี่ยคืออะไร 1.ภาวะการหายใจติดขัด ติดขัดในที่นี่เนี่ยไม่ใช่ว่าติดขัดมาเป็นอาทิตย์ละแต่ไปฉุกเฉินหน้าห้องหมออย่างนี้ อันนี้ก็จะไปกดดันหมอ ไม่ได้ค่ะ
แน็ต : คือติดขัดมาเป็นอาทิตย์แล้วมันไม่ตายแล้วหรอ
หมอพีซ : ใช่ คุณรอได้เป็นอาทิตย์ แต่บอกหมอว่าทำไมหมอไม่เรียกสักที เร็วๆหน่อย อันนี้หมอก็จะอึดอัด
แน็ต : รอมาอาทิตย์นึงแล้วอ่ะ มันไม่ฉุกเฉินแล้วอย่างนี้
หมอพีซ : ใช่ ทำไมล่ะ อ่ะ ภาวะฉุกเฉินเนาะ อันแรกคือหายใจติดขัดที่ค่อนข้างฉับพลัน
แน็ต : อ่ะ เดี๋ยวก่อน ต้องคุยก่อนว่าหายใจติดขัด อาการมันเป็นยังไง
หมอพีซ : หายใจติดขัดค่อนข้างฉับพลันและอาจจะมีภาวะเยื่อเมือกม่วง
แน็ต : ออกไปไกลเลยงานนี้ มันเป็นยังไงอ่ะ
หมอพีซ : ใช่ ใช่ก็คือมันจะไม่ได้ดูปกติทั่วไป เช่น หายใจมีเสียงฮืดๆนิดหน่อยเหมือนเป็นหวัด หรือเป็นโรคปอด แต่ว่าเป็นมาเรื้อรังละ อันนี้จะไม่ได้ฉุกเฉิน แต่ฉุกเฉินก็คืออะไรที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างฉับพลัน เช่น เมื่อกี้เดินๆอยู่ อยู่ดีๆ เยื่อเมือกม่วง ลิ้นม่วง เหงือกม่วง ดูไม่ค่อยมีสติสตัง
แน็ต : ขาดออกซิเจนสิแบบนี้
หมอพีซ : อ่ะ ใช่ แบบนี้คือค่อนข้างรุนแรงมากๆ อันนี้แหละค่ะฉุกเฉิน สมมติว่านั่งรอหมอเรียกอยู่ จะต้องบอกหมอแล้วว่าลูกควรเปลี่ยนแปลงละ เหงือกเริ่มม่วงแล้วค่ะคุณหมอ คุณหมอเขาไม่ว่าหรอก เขาจะเข้ามาดูว่าม่วงจริง อะไรอย่างนี้
แน็ต : แล้วท่านก็จะเป็นลิสต์คนแรกเลย
หมอพีซ : ใช่แล้ว
แน็ต : แล้วอย่างนี้ถ้าเจ้าของเอายาม่วงไปทาลิ้นหมาได้ไหม
หมอพีซ : ไม่ได้ เราก็ดูออกสิ!
แน็ต : ก็ลิ้นก็ม่วงไง หมอคะลิ้นม่วงค่ะ
หมอพีซ : โอเค อันต่อไปค่ะก็คือ หมดสติ มีเหมือนกัน ชั่งน้ำหนักอยู่ดีๆ ล้มตึงไปเลย หมาค่ะ ไม่ใช่คนนะ ก็คือเป็นพวกแบบภาวะโรคหัวใจอะไรอย่างนี้ มักเจอบ่อยค่ะ
แน็ต : มันเหมือนหัวใจวายน่ะนะ?
หมอพีซ : ใช่ หัวใจวายฉับพลัน เพราะหมาเขาไม่บอกนี่ว่าแบบเขาเครียดจังเลย เหมือนคนอย่างนี้ มีภาวะเครียด เจ็บหน้าอก ล้มตึง เหมือนในละคร อะไรอย่างนี้ แต่ว่าหมาน่ะ เขาไม่ได้เอามือทาบอก
แน็ต : คงจะน่ารักนะ แบบ เอื้อ..แม่.. ตาย
หมอพีซ : ใช่ เขาไม่ได้เอามือทาบอก แล้วบอกว่า เฮ้ย ฉันเจ็บจังเลย หรือว่าฉันมีเรื่องเครียด กดดันจังเลย แต่ว่ามาหาหมอก็เครียดประมาณนึงแล้ว
แน็ต : อันนี้ก็คงเหมือนประมาณว่าหมาที่ขี้กลัวสุดๆ
หมอพีซ : ใช่ หรืออาจจะมีโรคหัวใจอยู่แล้ว เพราะว่าเมื่อไหร่ที่หมาเป็นโรคหัวใจ ก็มีความเสี่ยงที่จะล้มเหลวได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว
แน็ต : แล้วมันมีวิธีไหนที่เจ้าของพอจะประเมินก่อนได้ไหมว่าหมาฉันจะเป็นโรคหัวใจหรือเปล่า
หมอพีซ : ไม่ได้
แน็ต : อย่างไทนี่เนี่ย เรารู้สึกเลยว่าหัวใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ แบบว่าไม่ออกแนว Jazz Hip Hop Pop Music EDM ไม่ออกเลย ออกแนวมั่วๆ ซั่วๆ
หมอพีซ : แต่คือถ้าหมาเด็กน่ะค่ะ ก็จะมีจังหวะหัวใจที่ไม่สม่ำเสมอได้อยู่แล้ว
แน็ต : แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรามีความรู้สึกว่าเจ้าของต้องเอาหมาไปตรวจร่างกายก่อนไหม
หมอพีซ : ใช่ค่ะ
แน็ต : screen ให้หมดเลยอ่ะ เพื่อความปลอดภัย
หมอพีซ : แต่ว่า screen ให้หมดเลยเนี่ย จะบอกว่ายากเหมือนกัน เช่น มีคนหนึ่งเดินเข้ามากับน้องหมาตัวหนึ่งที่เขาไม่รู้ประวัติ เช่น เพิ่งเอามาเลี้ยงค่ะคุณหมอ ตรวจหมดเลย คำว่าตรวจหมดเลยของหมอเนี่ย มันเยอะมากๆ ตรวจอะไร ตรวจลึกแค่ไหน ตรวจจนรู้อะไร อะไรอย่างนี้ค่ะ แต่ว่าการที่เราประเมินสุขภาพเบื้องต้นมันก็มีตรวจเลือด เลือดก็เป็น screening ธรรมดา เช่นแบบสมมติน้องหมายังไม่แก่มาก 2 ปี 1 ปีอะไรอย่างนี้ค่ะ ก็จะตรวจดูเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด แล้วก็ตรวจสุขภาพทั่วไป ดูซิประวัติวัคซีนเป็นยังไง ดีหรือเปล่า ครบไหม
แน็ต : ที่ว่าแบบหมอเอามือมาคลำๆท้อง ประมาณนั้นป่ะ
หมอพีซ : อ๋อ ถ้าหมอคลำ ก็คือจะคลำดูค่ะว่ามีปวดท้องตรงไหนหรือเปล่า เป็นพิเศษไหม หรือว่ามีอวัยวะอะไรใหญ่ ที่แบบ คือเวลาเราลูบผ่าน 1 ครั้งน่ะค่ะ ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติจนเห็นได้ชัดอ่ะ เราจะไม่รู้ เราจะไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้าเกิดว่าลูบผ่านฟรื้บ แล้วรู้สึกว่า อุ๊ย เขาเกร็งแล้วมีก้อนแข็งๆที่แข็งมากกว่าอะไรที่หมอเคยคลำเจอในตัวอื่นอะไรอย่างนี้ ก็จะรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติละ แต่ถ้าถามหมอเลยว่า อะไรอ่ะคะ
แน็ต : กูก็ไม่รู้
หมอพีซ : ใช่ หมอก็ตอบไม่ถูกสิ ไม่งั้นจะมีอัลตร้าซาวด์ไว้ทำไม
แน็ต : ทำไมไม่รู้ล่ะ ก็แค่นี้เอง คลำๆไป
หมอพีซ : นั่นน่ะสิ
แน็ต : เออ แต่เข้าใจๆ เหมือนคนน่ะเนาะ หมอคนเขาก็มากดๆตรงท้อง เขาก็คงยังไม่สามารถที่จะแบบ pin point ได้ 100% ว่าอ๋อ มันคือไส้ติ่งนะ อะไรอย่างนี้ สุดท้ายมันก็ยังอัลตร้าซาวด์เช็คกันอีกทีหนึ่ง
หมอพีซ : ใช่ค่ะ
แน็ต : อ่ะ จบยังข้อแรก
หมอพีซ : เดี๋ยวก่อน ยังไม่จบสิ ภาวะฉุกเฉินใช่ไหม มีอีก เช่น เลือดไหลไม่หยุด พอเราเลือดไหลไม่หยุดเนี่ยอาจจะเป็นแผลใหญ่ หรือว่าเส้นเลือดขาด หรือว่ามีภาวะเลือดหยุดยาก
แน็ต : ที่ออกจากทางจมูกป่ะ
หมอพีซ : ที่ออกจากทางจมูก แบบว่าเยอะๆเลยอย่างเงี้ย อันนี้ก็ถือว่าฉุกเฉิน
แน็ต : หมาเลือดกำเดาไหลได้ไหม
หมอพีซ : เลือดกำเดาไหลได้ แต่ถ้าเลือดกำเดาไหล อาจจะเป็นภาวะที่รอได้ ไม่ต้องเป็นคนแรกที่เข้าห้องก็ได้ แต่ว่าในกรณีที่แบบรถชน เลือดออก กับเส้นเลือดขาด อะไรอย่างนี้ หรือภาวะที่แบบขาหักแล้วกระดูกโผล่ออกมา
แน็ต : โอ๊ย ขนลุก เห็นภาพเลย
หมอพีซ : ขาหักแล้วกระดูกโผล่ออกมาจากผิวหนัง อันนี้ก็ถือว่าฉุกเฉิน ต้องทำอะไรสักอย่างนึง เช่น หยุดเลือดหรือว่าปิดตรงนั้น เพราะว่ามันเปิดนานๆไปเนี่ย มันก็เป็นเหมือนประตู welcome เชื้อ ว่า เฮ้ เข้ามาเลย อะไรอย่างนี้
แน็ต : น่ากลัวว่ะ
หมอพีซ : ใช่ค่ะ คิดๆแล้วก็ตกใจ
แน็ต : เพราะเราอ่ะ จะชอบเห็นคนโพสบนเพจอะไรพวกนี้ ว่า เนี่ยค่ะ หมาเลือดออกจากจมูก หรือเลือดออกจากร่างกายตรงนี้ เลือดออกเยอะแยะเลย ควรจะทำยังไงดีคะ คือเราไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้ทำไมมันไม่พาหมาไปหาหมอวะ
หมอพีซ : ใช่
แน็ต : มันมารอคำตอบอะไรบนเฟซบุ๊กวะ
หมอพีซ : จริง แล้วถึงว่าจะมีคนแนะนำอะไรไปแล้วคุณทำทุกอย่างหรือเปล่า
แน็ต : ถูก สุดท้ายก็ต้องพาไปหาหมอ
หมอพีซ : ใช่ สุดท้ายมันก็ต้องให้หมอทำอยู่ดี
แน็ต : อ่ะ ข้อสอง
หมอพีซ : ข้อสองเลยค่ะ ก็คือการหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต มีอ้างอิงอากู๋เลยแล้วกัน คือมันทำให้หมอค่อนข้างอึดอัดใจเลยแหละ ถ้าเกิดว่าเจ้าของค้นมาแล้วมาบอกว่า เออ หมอ ฉีดยาเข็มนึงพอ ให้น้ำเกลือนิดหน่อยนะ แล้วก็กลับบ้านได้ มาบอกเสร็จสรรพแบบนี้ เหมือนเห็นเราเป็นแค่คนที่ทำให้เท่านั้น ไม่ให้เราคิดอะไรเลย
แน็ต : หมอก็เลยยื่นเข็มให้เลย ทำเองไป
หมอพีซ : ทำเองเลยค่ะ ไม่ใช่ขนาดนั้น หมอไม่ได้โหดขนาดนั้น
แน็ต : แต่ในใจก็อยากใช่ไหม
หมอพีซ : ใช่ ไม่ใช่สิ ล้อเล่น ก็คือว่า การหาข้อมูลน่ะดี เช่น ก่อนเลี้ยงหมาเนี่ย เอ๊ะ หมาเขาต้องการยังไง อยากได้พันธุ์เล็ก เขาต้องกินอะไรเป็นพิเศษไหม ต้องดูอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า อันนี้หาข้อมูลเบื้องต้นน่ะดี ว่าต้องดูแลเขายังไงเขาถึงจะสุขภาพดีที่สุด แต่ว่าการวินิจฉัยอื่นๆเช่นแบบ ป่วย หรือว่าการตรวจร่างกายเบื้องต้น อะไรอย่างนี้ค่ะ ปรึกษาคุณหมอก็ดีที่สุดอยู่แล้ว อย่าง สมมติลูกหมาบ้านเรากับลูกหมาข้างบ้าน ซื้อมาพร้อมๆกันเลย แต่ว่าบ้านนั้นน่ะอาเจียน อ้วกละกัน อ้วก เสร็จปุ๊บ เขาพาไปหาหมอละ ลำไส้อักเสบ แต่หมาบ้านเราไม่ได้ไปเล่นกับเขาเลย สมมติ แต่ก็อ้วกเหมือนกั นแต่มันก็อาจจะไม่ใช่ลำไส้อักเสบก็ได้ เพราะว่าอะไรทำให้อ้วกได้บ้างคะ พี่แน็ต ยกตัวอย่างมา สมมติในคนก็ได้ เราเป็นอะไรเราถึงอ้วกบ้าง
แน็ต : ตายห่- ละ เอ่อๆ ปวดท้อง
หมอพีซ : อ่ะ ปวดท้อง สมมติว่ากินอาหารไม่ตรงเวลา มีแผลในกระเพาะ แล้วก็อ้วก
แน็ต : อ๋อ กระเพาะอักเสบ
หมอพีซ : อิ่มเกิน วิ่งๆๆ แล้วก็อ้วก เหมือนเด็ก เด็กน้อย ก็อ้วก ท้องเสียเพราะติดเชื้อก็อ้วก เพราะว่า อะไรก็ตามที่ทำให้ทางเดินอาหารมันไม่สบายน่ะ ก็จะมีอาเจียนได้บ้าง ทีนี้เห็นไหม ขนาดเรานั่งคิดเองน่ะ มันก็ยังเยอะเลย ทีนี้เราจะรู้ได้ไงว่าน้องหมาเราน่ะ ที่เขาไม่คุยกับเราเลย แล้วเขาเป็นอะไร
แน็ต : เพราะเราก็ถามเขาไม่ได้นะว่าเมื่อกี้ที่อ้วกน่ะ ปวดท้องหรือเปล่า
หมอพีซ : ใช่ๆ หรือว่าไปวิ่งมาหรือเปล่า ก่อนหน้านั้นกินเยอะหรือเปล่า
แน็ต : แอบไปกินขี้มาเปล่า
หมอพีซ : ใช่ๆ คือหมาเขาไม่บอกเราหรอกว่า เออ ปวดท้องซีกซ้าย บนๆหน่อยอ่ะแม่
แน็ต : อือ ปวดแบบตุ้บๆอ่ะ
หมอพีซ : คือเขาไม่บอก ทีนี้ใครล่ะที่จะติดต่อกับหมาได้ ถูกไหม ก็ต้องเป็นคุณหมอละแหละ ที่ต้อง screening
แน็ต : แต่ถ้าเจ้าของคุยกับหมารู้เรื่องอ่ะ แบบเป็นดอกเตอร์ Doolittle ไปเลยอ่ะ ก็เอาเต็มที่เลย เชิญมาสมัครเป็นหมอที่โรงพยาบาลนี้ได้
หมอพีซ : แต่ว่าข้อมูลที่เจ้าของยิ่งให้กับหมอเนี่ย ยิ่งละเอียดและเยอะเท่าไหร่ ยิ่งเป็นประโยชน์มากๆเพราะว่ามันจะเป็นการเหมือน เราช่วยกันคุยกับหมา อย่างรู้เรื่อง อย่างคุณหมอเนี่ยต้องซักประวัติอยู่แล้ว ไม่มีหมอคนไหนที่ไม่ถามอะไรเจ้าของเลย ไม่มีหมอคนไหนที่หยิบมาปุ๊บ อ๋อ ท้องเสีย ทำนู่นทำนี่ ยื่นกลับ กลับบ้าน ไม่มีค่ะ เขาก็ต้องุามแล้วว่า เป็นมากี่วันแล้วคะ ซักประวัตินู่นนี่ ที่บ้านมีสารเคมีอะไรหรือเปล่า ตามหัวข้อที่เขาสงสัย คือคุณหมอต้องสงสัยประมาณนึง แล้วก็ถามเพื่อเหมือนเป็นนักสืบ คือตัด choice ไปเรื่อยๆ จนได้คำตอบ ซึ่งคำตอบอาจจะไม่ได้เป็นแค่หนึ่งคำตอบ อาจจะเก็บไว้ในใจ 2-3 อัน แล้วก็เราจะอธิบายว่าแบบ เนี่ยเจ้าของ ตอนนี้หมอสงสัยประมาณ 3-4 อย่าง 2-3 อย่างนะ เราจะเริ่มจากรักษาตรงนี้ก่อน เพื่อเป็นการเคลียร์ตรงนี้ แต่ว่าหมาบางตัวก็แบบปัญหาเยอะมาก อ้วก 1 ครั้งแต่ได้โรคอื่นๆตามกลับมาเต็มไปหมดเลย เพราะว่าคุณหมอตรวจเจออย่างอื่นด้วย เช่น เห็บเยอะจังเลยค่ะ อ้วกด้วย เช่น ติดเชื้อลำไส้อักเสบ ไวรัส พาร์โว สมมติ แต่ว่ามีเห็บเยอะด้วย พอตรวจเลือด อ้าว เลือดก็จาง ก็เลยได้ยากลับบ้านไปเยอะแยะ
แน็ต : เพราะมันมีหลายอาการนะที่หมามันไม่ออกไม่อะไรนะ รู้อีกทีคือตายแล้ว
หมอพีซ : ใช่ รู้อีกทีเลยคือหนักมากแล้ว คือไปหาหมอ 1 ครั้งเนี่ย หมอไม่ได้ดูแค่ระบบที่เจ้าของอยากให้หมอดู เช่นแบบปวดท้องค่ะ แต่หมอไม่ได้ดูแค่ท้องค่ะ หมอดูทั้งตัวเลย เพราะฉะนั้นการพาหมาไปตรวจสุขภาพปีละครั้งเนี่ย ดีมากเลย ก็คือให้หมอเขา screen ให้ 1 ครั้ง ว่าเป็นยังไงบ้าง ถ้าโอเคแล้วเราก็สบายใจ
แน็ต : เพราะยังไงสุดท้ายแล้วให้หมอดูก็ดีที่สุดเนาะ ดีกว่ามา search เอาเองน่ะ
หมอพีซ : ใช่ ที่จริงเป็นหมอแล้วมาพูดนี้มันก็เขินนิดนึงนะ แบบว่าให้หมอดูดีที่สุดค่ะ แต่ที่จริงมันก็จริง เพราะรู้สึกว่าแบบ สิ่งที่เรามองหมาเขา กับสิ่งที่เขามองหมาเขาอ่ะ มันก็ละเอียดในคนละมุม
แน็ต : อืม ใช่ๆๆ มันก็เหมือนคนน่ะเนาะ ถ้าเราไม่สบายหรือเรามีอาการอะไรผิดปกติ เราก็ต้องไปหาหมออยู่ดี อะไรประมาณเนี้ย
หมอพีซ : ใช่ อ๋อ แล้วก็อยากจะยกประเด็นตรงนี้นิดนึง เรื่อง Google นี่แหละ ก็จะมีหลายๆครั้ง
แน็ต : อัดอั้นตันใจมานานใช่ไหม โอเคเลยค่ะ คนใจหมาเราจะเป็นเวทีเปิดให้คุณบ่นนะคะ
หมอพีซ : อันนี้เวทีนี้นานไหมคะ เวทีนี้เป็นชั่วโมงหรือเปล่า อืม google แล้วก็ไปหายาเอาเอง หรือถามข้างบ้าน คราวที่แล้วเธอได้ยาอะไรนะ แล้วก็ไปซื้อยาเอาเอง แต่ส่วนใหญ่เขาจะชอบซื้อยาฆ่าเชื้อ อันนี้หมอจะเรียกว่ายาปฏิชีวนะ แต่ว่าเวลาไปซื้อร้านขายยาทั่วไปอะไรอย่างนี้ หรือว่าไปหายาเถื่อนอะไรก็แล้วแต่ เขาจะชอบแบบว่า แก้อักเสบ แก้เห็บ แก้โรคนี้
แน็ต : แล้วมันแก้ได้จริงไหม
หมอพีซ : ถ้าเกิดว่าเป็นยาปฏิชีวนะอ่ะค่ะ แล้วก็ออกฤทธิ์ได้ครอบคลุม ปกติแล้วเนี่ย ยาปฏิชีวินะส่วนใหญ่จะเป็นแบบออกฤทธิ์ในวงกว้าง ไม่มียาปฏิชีวนะ 1 ตัวที่ฆ่าเชื้อได้ตัวเดียว เพราะฉะนั้นเนี่ย บางเจ้าของก็จะรู้สึกว่า ฉันไม่ต้องไปหาหมอก็ได้ ให้ยานี้ก็หาย แต่วันหนึ่ง ถ้าดื้อยา เชื้อไม่บอกคุณหรอก ว่าฉันดื้อแล้ว ฉันเก่งกว่ายาที่เธอเคยให้แล้วนะ แต่พอเชื้อดื้อยาแล้วเจ้าของให้ยาเดิมอีก เพราะว่าลูกฉันอาการเดิม ให้อีกแล้วยังไง ทำไมคราวนี้หายช้า ไม่เป็นไร ดูอีก 2-3 วัน เพราะว่าก่อนจะติดเชื้อหรือว่าแสดงอาการเนี่ย อาจจะมีระยะฟัก น่าจะประมาณอาทิตย์นึง แล้วก็ลองให้ยาเอง 2-3 วัน 10 วันละ พอ 10 วันนี้ไม่ดีขึ้นเลย ไปหาหมอ ทีนี้เหมือนหมอมาแก้ขี้อ่ะ แบบว่ามัน messy แล้วอ่ะ มันยุ่งเหยิงไปหมด ไอ้ 10 วันที่ผ่านมาเนี่ย คือ 7 วันที่ไม่มีการรักษาใดๆ 3 วันที่คุณลองเอง แต่คุณดันลองในยาที่หมาดื้อแล้ว เพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าเกิดเขาทำอย่างนี้หลายๆครั้ง มันก็จะดื้อหลายๆยา
แน็ต : แต่ส่วนใหญ่ที่หมาดื้อยามันเป็นเพราะว่าให้ไม่ครบโดสป่ะ
หมอพีซ : ด้วย ให้ไม่ครบโดส ให้ยาปฏิชีวนะที่ไม่เหมาะสมกับเชื้อ ณ ตอนนั้น หรือว่าเนี่ยให้เอง ให้ปุ๊บดีขึ้น อ่ะก็หยุดสิ ประหยัดยาดี หรือว่าขี้เกียจให้หรืออะไรอย่างนี้
แน็ต : ลืมให้
หมอพีซ : ใช่ คือหลักการก็คือเราต้องฆ่าเชื้อให้หมด หมดเลย
แน็ต : เอาให้เกลี้ยง ก็เหมือนคนน่ะเนาะ
หมอพีซ : ใช่ ก็ต้องให้ยายาวประมาณหนึ่ง 1-2 อาทิตย์อะไรประมาณนี้
แน็ต : แต่สุดท้ายแล้วปริมาณยามันก็ต้องขึ้นอยู่กับน้ำหนักหมาถูกไหม
หมอพีซ : ถูกค่ะ เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้ว่าหมอต้องคิดหลายแง่มาก เจ้าของให้ได้ไหม ให้บ่อยไม่ได้ อ่ะ เปลี่ยนเป็นกลุ่มที่ให้วันละครั้งละกัน คือหมอก็ต้องคิดเยอะมากว่าเจ้าของต้องสะดวกด้วย หมาจะต้องไม่แพ้ด้วย แล้วก็ถ้าน้ำหนักเท่านี้ สมมติหมาหนัก 40 เนี่ย สมมติยาตัวนี้ต้องกิน 5 เม็ด อ่ะ เยอะเกิน หมอก็ต้องคิด อ่ะแล้วจะต้องยายังไงที่เหมาะสำหรับอย่างนี้ ก็คิดเยอะเหมือนกัน ก็รู้สึกเสียใจนิดนึงที่แบบว่า เจ้าของมาบอกให้จ่ายยานี้ยานั้น
แน็ต : มันก็เสียดายของไปเลยเนาะ แทนที่ยาตัวนี้จะรักษาได้ ก็กลายเป็นต้องเล่นอีกตัวนึงที่มันก็ต้องแรงกว่าแพงกว่าถูกไหม
หมอพีซ : ถูกค่ะ ใช่ เกิดอะไรขึ้นเมื่อสุนัขคุณดื้อยา ยาที่หนึ่งดื้อ เปลี่ยนเป็นยาที่สอง การเปลี่ยนยาก็คือการเปลี่ยนกลุ่ม หรือกลุ่มเดิมแต่แรงขึ้น แรงขึ้นก็ต้องแพงขึ้น ต้องไม่ได้ขายอยู่ในคลินิกทั่วไปละ ต้องไปโรงพยาบาลเท่านั้นค่ะ ต้องซื้อจากกรุงเทพฯเท่านั้นค่ะ ต้องนำเข้าเท่านั้นค่ะ อันนี้จะเริ่มยากละ หมาฉันกว่าจะหายอ่ะ ต้องนำเข้าเลยหรอ
แน็ต : แทนที่จะได้จ่ายเม็ดละ 5 บาท กลายเป็นจ่ายเม็ดละ 100
หมอพีซ : ใช่ อะไรอย่างนี้ก็มี ส่วนใหญ่เจ้าของจะแบบว่า ยอมแพ้อ่ะ อันนี้ก็น่าเสียใจเหมือนกัน
แน็ต : อ้าว ถ้ายอมแพ้หมายความยังไงล่ะ
หมอพีซ : ยอมแพ้ก็คือ จริงหรอหมอ ยามันหายากขนาดนี้เลยหรอ แพงง่ะ ทำไงได้อีก อ่ะ โยนขี้อีกละ แล้วหมอต้องทำยังไงอ่ะ หมอก็ต้องคิดหนักละว่ามีวิธีอื่นๆอีกไห มแต่เราก็ต้องดูด้วยแหละว่าจุดเริ่มต้นการติดเชื้อเป็นอะไร สมมติเป็นแผลอย่างนี้ แผลมันเล็กลงไหม ทำแผลทุกวันแล้วแผลสะอาดขึ้นไหม หรือว่าติดเชื้อซ้ำๆเดิมๆนี้ แสดงว่าเชื้อเริ่มดื้อยาละ ก็ยากอยู่ ทีนี้คืออยากจะบอกทุกๆคนในข้อความสั้นๆว่าถ้าดื้อยาปุ๊บเนี่ย แล้วคุณเพิ่งเอามาหาหมอเนี่ย มันยากมากจริงๆ ถ้ามันดื้อแล้วหมอก็ไม่รู้แล้วว่าจะเอายาไหนมารักษา จุดจบของมันก็คือไม่มียาอะไรรักษาลูกๆคุณได้เลย
แน็ต : มีด้วยหรอ
หมอพีซ : ใช่ ในคนน่ะค่ะ ในคนเนี่ยปัญหานี้ระดับโลกละ
แน็ต : เออ เพราะคนชอบเอะอะอะไรกินยาแก้อักเสบ
หมอพีซ : ใช่ แล้วประเทศไทยเนี่ยเยอะมาก แต่ที่จริงยาแก้อักเสบไม่ใช่ยาปฏิชีวนะ
แน็ต : ยาแก้อักเสบกับยาฆ่าเชื้อไม่ใช่อันเดียวกันหรอ
หมอพีซ : ไม่ใช่อันเดียวกัน
แน็ต : อ้าว ชิบห-ย นึกว่าอันเดียวกัน
หมอพีซ : ยาปฏิชีวนะ ปฏิก็คือฆ่าใช่ไหม
แน็ต : ไม่รู้
หมอพีซ : แปลว่า No No น่ะ
แน็ต : อ้อ ปฏิแปลว่าฆ่า
หมอพีซ : ใช่ๆ แบบ against
แน็ต : ภาษาไทยวันละคำ
หมอพีซ : ถ้ามีครูภาษาไทยเข้ามาฟังก็แนะนำด้วยนะคะ
แน็ต : แล้วถ้าเกิดแบบ ยาอะไรก็ไม่หาย สุดท้ายก็คือก็ต้องปล่อยหมาตายไปอ่ะนะ
หมอพีซ : ถ้าไม่มีทางไหนแล้วจริงๆน่ะ มันก็ไม่มีความหวัง เรียกอย่างนี้ดีกว่า
แน็ต : ซวยที่หมาจริงๆว่ะ
หมอพีซ : ใช่ ซวยที่หมาจริงๆ เพราะฉะนั้นเนี่ย อะไรที่ง่ายอ่ะทำเถอะ จริง
แน็ต : อย่าแบบว่า เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย
หมอพีซ : ใช่
แน็ต : จริงๆนะ แต่เจ้าของส่วนใหญ่มันก็จะแบบพยายาม save cost น่ะ ไม่อยากจ่ายเยอะ แต่หลักๆเลยนะ เราว่าคนน่ะกลัวหมอเลี้ยงไข้ เราในฐานะเจ้าของหมานะ เราไม่ได้ชินในฐานะหมอนะ เรายังกลัวหมอเลี้ยงไข้เลย
หมอพีซ : เออ แปลกใจเหมือนกัน เพราะเคยมีเพื่อนมาถาม แบบแมวเป็นโรคผิวหนัง ก็อธิบายนู่นนี่นั่น หาหมอละ 3 วัน อ่ะ 3 วันเอง แต่ว่าเนี่ยไม่รู้ว่าหมอเลี้ยงไข้หรือเปล่ายังไม่ดีขึ้นเลย อันนี้เราก็ไม่รู้ไงเพราะว่าเราไม่เห็นแมวคุณน่ะ แล้วก็ แต่เราก็อยากถามว่าทำไมถึงคิดว่าหมอจะทำอย่างนี้ อย่างแบบ สมมติว่าเราไปธนาคาร เราคิดไหมว่าเขาอ่ะจะเปลี่ยนแปลงตัวเลขในบัญชีเรา
แน็ต : อืม จริงเนาะ
หมอพีซ : หรือว่า คิดไหมว่า เราไปร้านอาหารร้านนี้ เราเลือกละว่าฉันจะกินร้านนี้ อร่อย คิดไหมว่าเขาจะเอาหมูเน่ามาทำให้เรา หรือว่าหมูที่ตกพื้นแล้วก็เก็บขึ้นมาใหม่
แน็ต : เออ แต่พอมันเป็นคำว่าหมอหมา หมอคน หมอสัตว์ เราว่ามันอารมณ์เดียวกันเลยนะ คือความรู้สึกที่ว่าเขากำลังเลี้ยงไข้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันเหมือนแบบว่ามันก็แล้วแต่คนด้วยละมั้ง
หมอพีซ : แต่คือพีซรู้สึกว่า ก็เราเลือกร้านนี้ เราจะกินข้าวร้านนี้ เราก็จะไม่คิดหรอกว่าหมูเขาตกพื้นหรือเปล่าแล้วเอามาใส่จานเราหรือเปล่า พีซว่าหมอก็เหมือนกันนะคะ แบบฉันเลือกหมอคนนี้ละ คือหมอเนี่ยมันเป็นศิลปะ หมอคนนี้อาจจะให้ยาก่อนทำแผลทีหลัง ทำแผลก่อนให้ยาทีหลัง อันนี้แค่ยกตัวอย่างนะ กับแบบว่ามันเป็นศิลปะ หมอจะไม่ทำเหมือนอีกคลินิกนึง แต่ว่าเป้าหมายคือให้เขาหายเหมือนกัน เพราะฉะนั้นคุณชอบศิลปะของใคร ก็เสพศิลป์ของคนนั้น
แน็ต : เอาง่ายๆก็คือไม่ควรจะเอา 2 คลินิกมาเปรียบเทียบกัน
หมอพีซ : ใช่
แน็ต : แบบประมาณว่าโรงพยาบาลนั้นเขาว่ามาแบบนี้ ทำไมโรงพยาบาลนี้มาทำแบบนั้น
หมอพีซ : ใช่
แน็ต : แต่ง่ายๆเลยก็คือในฐานะที่เป็นเจ้าของเนี่ย ท่านสบายใจกับทางนู้น ก็ไปหาทางนู้นสิ จะมาทางนี้ทำไม
หมอพีซ : จริง จะเปรียบเทียบทำไม
แน็ต : เรามีคนรู้จักที่เฉยๆใช่ไหม
หมอพีซ : เยอะค่ะ เยอะมากเลย
แน็ต : เข้าใจๆ
หมอพีซ : คือเราแอบเสียใจว่า ทำไมอ่ะ ฉันเป็นคลินิกที่สองที่เธอมาหา แล้วฉันทำไมต้องผิดล่ะ อย่างนี้
แน็ต : เพราะฉันไม่ได้เป็นคนพูดก่อนใช่ไหม ถ้าไม่ใจกันแล้วมาทำไม
หมอพีซ : นั่นน่ะส จริง
แน็ต : เออ เข้าใจๆ
หมอพีซ : แต่ว่าหมอน่ะ ไม่ได้โหดร้ายถึงขนาดว่าคนถามแล้วหมอไม่อยากตอบ ไม่เคย blame ว่าไม่รู้แล้วผิด แต่ว่าไม่รู้แล้วไม่ฟังเนี่ย อันนี้มันก็ขัดใจเนาะ ที่จริงทุกอาชีพแหละ พีซว่า
แน็ต : เนาะ จริง ขนาดปรับพฤติกรรมหมา เจ้าของมาถามแล้วบอกเขาไป แล้วเจ้าของบอกไม่เชื่อ เราก็ เอ้า เอาที่มึงสบายใจอ่ะ
หมอพีซ : พอไม่เชื่อแล้วยังไง เปลี่ยนที่ เพราะฉะนั้นก็
แน็ต : ไปเถอะ เอาที่มันสบายใจเจ้าของ
หมอพีซ : อยากเสพศิลป์ของใครก็ไปที่นั่นค่ะ
แน็ต : ใช่ รู้เรื่อง
หมอพีซ : นี่เราถึงข้อไหนกันแล้วคะ
แน็ต : ข้อสามมั้ง ข้อสามๆ
หมอพีซ : หรอ โอเค ข้อสามค่ะ อยากจะรบกวนเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่พาเข้ามาในโรงพยาบาลหรือคลินิคก็ตามอ่ะค่ะ งดถ่ายรูปติดบุคลากร ที่จริงน้องหมาเองก็มีสิทธิของเขา ที่ว่าผู้ป่วยเนี่ยก็ไม่อยากเปิดเผยว่าฉันป่วยเป็นอะไร เหมือนสมมติเราไปโรงพยาบาล ถ้าเกิดว่ามีพยาบาลอีกห้องนึงเดินมากระซิบ แกๆ ผู้ป่วยแกเป็นอะไรอ่ะ อันนี้เราก็จะแบบ เฮ้ย เธอทำไมทำอย่างนี้ เรายังรู้สึกว่าทำไมต้องอยากรู้ว่าฉันป่วยเป็นอะไรอย่างเงี้ย เพราะบางความป่วยเราก็อยากปิดบัง
แน็ต : ยังไง ไม่เข้าใจ
หมอพีซ : บางความป่วยเราก็อยากปิดบัง พี่แน็ต ถูกไหม อ่ะสมมติว่า เอางี้เลย เพราะว่าเอางี้เลย เคสง่ายๆเลยที่แบบว่า สมมติเป็นวัยรุ่นท้องอย่างเงี้ย บางคนเขาก็อายมากแล้ว เดินเข้าไปในโรงพยาบาลแต่ยังมองไม่ออก เดินเข้าไปแผนกสูติ แล้วถ้าสมมติว่าเราได้ยินว่าพยาบาลห้องเราไปคุยว่า เออเนี่ยแก คนไข้ฉันน่ะ ท้องเว้ย อายุแค่นี้เอง อย่างนี้มันไม่ควรเพราะเป็นสิทธิของเรา ที่เขาไม่ควรเปิดเผยความป่วยหรือภาวะอะไรของเราให้ใครได้เห็นเลย มันเป็นจรรยาบรรณ
แน็ต : หมาก็เหมือนกัน หมาแมวก็เหมือนกัน
หมอพีซ : ใช่ แต่หมาเขาแค่ไม่พูด
แน็ต : เขาพูดไม่ได้
หมอพีซ : สมมติว่าน้องหมาหูเน่าอย่างนี้ เขาก็คงไม่อยากให้ใครรู้ว่าหูฉันเน่าอ่ะ
แน็ต : อันนี้มันออกแนวจรรยาบรรณศีลธรรม
หมอพีซ : ประมาณนึง แต่ว่าโอเค คุณถ่ายเพราะว่าเป็นหมาคุณเอง อันนี้ก็พอโอเค แต่กรุณาอย่าติดหมอหรือผู้ช่วย
แน็ต : เพราะหมอไม่สวยตอนนั้น หมอเพิ้งอยู่
หมอพีซ : ใช่ค่ะ หมอไม่เคยสวยเลยเพราะงานหนัก อะไรงี้ ไม่ใช่ ก็คือรูปมันออกไปในอินเทอร์เน็ตหรือว่าคุณเอาไปลงแค่ line ตัวเอง Facebook ตัวเอง มันสื่อได้หลายๆอย่าง ที่จริงหมออาจจะแค่แบบว่า มองหมา ในรูป สมมตินะ หมออาจจะแค่มองแผลหมา เอามือไปดูซิว่าหมาตัวนี้ต้องทำแผลยังไง แต่ยังไม่ทันใส่ถุงมือ สมมติ แต่รูปมันออกไป คนอาจจะตีความว่า เฮ้ย ทำไมหมอทำแผลไม่ใส่ถุงมือ ทำไมผู้ช่วยก็ไม่ใส่ อะไรเนี้ย
แน็ต : โรงพยาบาลอะไรเนี่ย ไม่มีความสะอาดเลย
หมอพีซ : เออ ใช่ ที่จริงเราอาจจะแค่ดูเฉยๆ ยังคิดอยู่ว่าทำอะไรบ้างดีนะหลังจากนี้
แน็ต : ยังวางแผนกันอยู่
หมอพีซ : ใช่ หรือน้องผู้ช่วยอาจจะกำลังถือเข็ม กำลังจะยื่นให้หมอ แต่ภาพอาจจะเป็นว่าทำไมผู้ช่วยถึงได้ฉีดยา อะไรอย่างนี้
แน็ต : เพราะรูปนึงมันตีได้หลายความหมาย ถ้างั้นถ่ายเป็นวิดีโอเลยดีไหม
หมอพีซ : ไม้ดีสิ คือหมอรู้สึกว่ามันเหมือนกับเราเดินไปที่ร้านอาหาร กินข้าวอยู่ เรามองไปเจอ เฮ้ย คนนี้สวยว่ะ เดินไปถ่ายรูปเขาเงี้ย มันก็เป็นการละเมิดมิดสิทธิใช่ไหม หมอก็คนๆนึง ก็เป็นสิทธิเช่นกัน
แน็ต : อือฮึๆ make sense แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หมาก็มีสิทธิเหมือนกัน
หมอพีซ : ใช่
แน็ต : คุณควรจะเคารพหมา
หมอพีซ : แต่นี่อาจจะ sensitive ไปนิดนึง บางคนอาจจะไม่รู้สึกอะไร
แน็ต : ใช่ แต่ถ้าสมมติเราหูเน่าเหมือนหมา เราอยากให้พ่อแม่เรามาถ่ายรูปเราไปลงเฟซบุ๊กป่ะล่ะ
หมอพีซ : เออ นั่นน่ะสิ
แน็ต : ก็ไม่อยากใช่ไหม
หมอพีซ : เราคงไม่อยากเห็นตัวเองว่าฉันหูเน่าอ่ะ เพื่อนฉันก็ต้องมาเห็น
แน็ต : เออ จริงป่าว แต่หมาไม่ได้เล่นเฟซบุ๊ก แต่หมาบ้านข้างๆเขาอาจจะไปแอบดูเฟซบุ๊กอีกคนนึง แล้วเขาก็ อีนี่ไง อีนี่หูเน่า เสร็จแล้วรู้ทั้งซอยเลยเว้ย โห อาย อับอาย
หมอพีซ : ใช่ เออ แต่ที่สำคัญเลยก็คือบุคลากรด้วย เราก็ต้องเห็นใจเขาเนาะ
แน็ต : ชัดเจน ข้อ 4
หมอพีซ : ข้อต่อไปหรอ อะไรดี อ๋อ ก็ คุณหมออยากบอกว่า อย่าว่าหมอเลยว่าทำไมหมอถึงไม่อยากช่วย ถ้าหมอไม่วินิจฉัยออนไลน์ ทำไมถึงไม่ได้คะ พี่แน็ตคิดว่ายังไง
แน็ต : เพราะว่าหมอเห็นไม่หมด ไม่เห็นของจริง
หมอพีซ : ไม่เห็นเลยดีกว่า
แน็ต : ไม่ บางทีเขาถ่ายรูปส่งมาไง แบ็กกราวด์อาจจะมีเสียงหมางิ้งๆหน่อยนะคะ อย่าไปสนใจมัน
หมอพีซ : อันนี้ก็คือ real มากๆเลยนะคะทุกคน อ่ะ เห็นไม่หมดแล้วยังไง สมมติว่าเราถ่ายรูปอาหารจานหนึ่ง ถ่ายจากมุมบน เห็นจานกลมๆ แต่เราไม่รู้ว่าจานน่ะใหญ่แค่ไหน มันเป็นมุม ใหญ่แค่ไหนก็ไม่รู้ รูปร่างจริงๆเป็นไงก็ไม่รู้ อาการจริงๆเป็นยังไงก็ไม่รู้
แน็ต : มันเห็นไม่หมด เอาง่ายๆ แล้วจะให้หมอวินิจฉัยจากภาพที่เห็นแค่ภาพเดียว มันไม่ถูกต้อง มันก็ไม่แฟร์เนาะ
หมอพีซ : ทีนี้เขาก็เลยบอกว่างั้นถ่ายวิดีโอได้ไหมคะคุณหมอ แล้วหมอได้จับไหม ได้คลำไหม ได้ลองฟังข้างในไหม อะไรแบบนี้
แน็ต : มากกว่านั้นนะ เขาก็จะเอาโทรศัพท์ไปแนบหัวใจหมา อ่ะหมอฟังค่ะ
หมอพีซ : ไม่ได้ค่ะ ไม่งั้น Steth ขายไม่ออกเลยนะ จริงนะ หมอบางคนเนี่ย ใช้ประสาทสัมผัสเยอะมาก บางคนต้องดมกลิ่นด้วย ดมกลิ่น เอามือจับ ลองบีบดูซิเป็นยังไงบ้าง ตรวจ ณ ตรงนั้นแล้วยังต้องตรวจอะไรข้างๆมันอีก เช่นสมมติว่า หัวใจเหมือนจะเต้นผิดปกติเลยค่ะคุณหมอ บางคนเนี่ย เจ้าของเขาฟังเสียงหัวใจหมา เค้าแบบนอนกับหมาหรืออะไรอย่างเงี้ยค่ะ นอนใกล้หน้าอกอะไรอย่างนี้
แน็ต : กูเลยเนี่ย กูเลย
หมอพีซ : แต่หมาไม่ได้ฟังแค่หัวใจค่ะ ฟังปอดด้วย ไหนๆก็ฟังแล้ว
แน็ต : ยุ่งจังเลย ไม่ได้ให้ดูปอด ให้ดูแค่หัวใจ อะไรเนี่ย
หมอพีซ : เพราะปอดกับหัวใจเนี่ยต่อกัน คือทุกอย่างมันต่อกันหมด ทำไมหมาพี่เป็นโรคหัวใจ อยู่ดีๆทำไมเป็นโรคไต หมอให้ยาผิดหรือเปล่า เป็นต้น แต่ว่าหัวใจมีหน้าที่ในการบีบเลือดไปยังอวัยวะต่างๆ ทีนี้ไตอยู่ไกลกับหัวใจมาก ไตอยู่ข้างหลัง พอหัวใจบีบไปไม่หมด บีบไปไม่ถึงไต ไตขาดเลือดก็เป็นโรคไตตามมาได้ ใช่ มันก็เกี่ยวกันหมด จะแยกระบบไม่ได้
แน็ต : อ๋อ คล้ายๆกับปรับพฤติกรรมหมาแหละ ชอบมีคนส่ง Message มาถาม พี่คะ หมาหนูกัดหมาอีกตัวหนึ่งค่ะ
หมอพีซ : มันต้องดูสิ่งแวดล้อมด้วยเนาะ อันนี้ก็เหมือนกันแหละ
แน็ต : เราก็จะบอกเขาว่า ไม่รู้หรอก ให้แค่นี้ไม่รู้จริงๆ ถ่ายวีดีโอมาได้ไหม ถ่ายวิดีโอก็ยังเห็นไม่หมดเลย เพราะส่วนใหญ่เจ้าของจะถ่ายวิดีโอก็คือ moment ที่มันกัดกันแล้ว ถูกป่ะ
หมอพีซ : อ๋อ แต่ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุ
แน็ต : แต่ถ้าเราดู เราต้องดูตั้งแต่มันเดินเข้ามาแล้ว มันนู่นนี่นั่น อะไรเป็นสิ่งเร้า
หมอพีซ : แล้วต้องดูตัวนั้นด้วยมีอะไรเป็นปัจจัยมาปลุกเร้าหมาเรา
แน็ต : ใช่ๆ บางทีเนี่ยโทษไอ้ตัวนี้ จริงๆน่ะไอ้ตัวนู้นนั่นแหละที่ผิด ไอ้นี่ไม่เกี่ยว
หมอพีซ : ใช่ เราโอ๋ผิดตัวนั่นเอง
แน็ต : ใช่ ซึ่งความเป็นจริงไม่ควรโอ๋นะคะ อ่ะ กลับมาเรื่องสัตวแพทย์ต่อ
หมอพีซ : นั่นแหละ ก็เหมือนกันแหละค่ะ เราเห็นไม่ครบ ไม่ครบองค์ที่เราทำไมเป็นนักสืบว่า ฉันจะสืบอ่ะ แต่ข้อมูลมันไม่ครบ
แน็ต : มันจะมีป่ะ ที่แบบพ่อแม่ถ่ายรูปลูกตัวเองอ่ะ แล้วส่งไปให้หมอดูอ่ะ
หมอพีซ : เออ อันนี้ก็ไม่รู้นะ ในคนใช่ไหม
แน็ต : เพราะเราว่าคนส่วนใหญ่ก็ไม่กล้าทำนะ เออแต่ก็ไม่แน่ว่ะ ไม่เคยมีลูก
หมอพีซ : แต่พีซอ่ะคิดว่า เราจะมัวดูลูกเราป่วยแล้วถ่ายรูปหรอ
แน็ต : อืม ก็กูพาไปโรงพยาบาลดีกว่าไหม
หมอพีซ : เราต้องรีบพาไปแล้วสิ เออ อะไรอย่างนี้
แน็ต : จริงๆ พูดแล้วก็เริ่มคิด
หมอพีซ : ที่จริงอ่ะ พีซคิดว่า มันจะง่ายมากเลยค่ะทุกคน ถ้าเราเปรียบเทียบหมาเราเหมือนเด็กทารก
แน็ต : มันควรจะเทียบอย่างนั้นเลย เพราะหมา 1 ตัว เหมือนเด็กอายุ 2-3 ขวบแค่นั้นเอง
หมอพีซ : ใช่ เด็กทารกเลย ช่วยตัวเองไม่ได้ ตอนป่วยบอกไม่ได้ พูดไม่ออก ทำทุกอย่างตามสัญชาตญาณ ยังไม่มีการคิดอะไรเท่าไหร่
แน็ต : ซึ่งในมนุษย์เนี่ยสัญชาตญาณของเด็กก็คือแหกปากร้อง เพราะเขาเจ็บ
หมอพีซ : ใช่ ไม่สบายตัวอะไรอย่างนี้
แน็ต : แต่หมามันมีความอดทนสูงใช่ไหม เพราะเรามีความรู้สึกว่าหมามันต้องซ่อนความเจ็บมันได้ในระดับหนึ่งเลย
หมอพีซ : ตามสัญชาตญาณ
แน็ต : เพราะถ้าเขาอยู่ในฝูงอย่างนี้ ถ้าตัวหนึ่งสื่อออกมาแล้วว่าเขาเจ็บเขาปวดอย่างนี้ ตัวอื่นก็จะเข้ามารุมเลยนะ เพราะถือว่าเขาเป็นจุดอ่อน
หมอพีซ : แต่ทีนี้มันก็จะต้องมีเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย เช่น ถ้าเขารู้สึกว่าเขาเป็นผู้นำในบ้าน ชิวาว่าอย่างนี้ สมมติ ถ้าเขารู้สึกว่าเขาเป็นผู้นำในบ้าน เขาก็จะมีพฤติกรรมแปลกไปในการแสดงความปวด หรือว่าอ้อนน่ะ เช่น ร้องแล้วเจ้าของมาอุ้ม ที่จริงอาจจะไม่ได้เจ็บหรอก อาจจะแค่แบบ
แน็ต : เรียกร้องความสนใจ
หมอพีซ : ใช่ อะไรอย่างนี้ มันละเอียดมาก เราไม่ได้ดูแค่นั้นน่ะ เราต้องดูว่าเจ้าเลี้ยงเขายังไงด้วย เออยากเนาะ พูดแล้วก็ปวดหัว
แน็ต : อย่าคุยเรื่องชิวาว่า พูดแล้วจะยาว
หมอพีซ : คุยแล้วก็ปวดหัวเลย
แน็ต : เออ แต่มันเป็นปัญหาที่เจอกันทุกคน ในฐานะสัตวแพทย์
หมอพีซ : ใช่ค่ะ ใช่ ที่จริงใครมีเพื่อนเป็นสัตวแพทย์เนี่ย แล้วไปเปิดอกคุยกับเขาเนี่ยก็อาจจะยาวประมาณนี้นะคะ หรืออาจจะยาวกว่านี้ ที่จริงพอเทปนี้จบไปก็อาจจะนั่งคุยกันที่นี่ต่อ ยังไงก็ไม่จบไม่สิ้น
แน็ต : ใช่ ไม่จบไม่สิ้น เพราะมันคุยได้ยาวมากๆ ไม่เป็นไร เราจะอัด episode แรกสัก 2 ชั่วโมง เอาให้ตายไปข้าง ไม่ใช่
หมอพีซ : ยินดีค่ะ
แน็ต : จบ กี่ข้อ
หมอพีซ : มันจบแล้วหรอ เออที่จริงเราอัดแบบนี้ เราไม่รู้เนาะ ว่า feebak เป็นยังไงมีใครอยากถามอะไรหรือเปล่า เราต้องเปลี่ยนเป็น Live หรือเปล่า
แน็ต : ไม่ๆๆ Live แล้วมันจะยากละ
หมอพีซ : โอเค
แน็ต : มีอีกไหมล่ะ
หมอพีซ : มีอีก นึกได้เรื่อยๆเลยพี่แน็ต น่าจะต้อง 2 ชั่วโมงจริงๆแล้ว
แน็ต : เออ ไม่เป็นไร แถมมาอีกสักข้อนึง
หมอพีซ : อ่ะแถม แถมอีกข้อนึง เวลาคุณหมอแนะนำ เช่น ยานี้กินหลังอาหารเท่านั้นนะคะ เพราะกัดกระเพาะ อ่ะ สมมติพูดแค่นี้ แล้ว สมมติพี่แน็ตในฐานะเจ้าของจะปฏิบัติตามไหม
แน็ต : ทำตามสิ
หมอพีซ : เคร่งครัดเลยไหม
แน็ต : เคร่ง
หมอพีซ : อ๋อ เออ เจ้าของก็มีหลายแบบ
แน็ต : เออ ก็ฉันเป็นเจ้าของที่ดีอ่ะ
หมอพีซ : ดีค่ะ ไทนี่ก็เลย healthy นะคะทุกคน ไม่เชื่อก็ดูได้ในเพจเลย นั่นแหละ หรืองดน้ำงดอาหารนะคะ 6-8 ชั่วโมง
แน็ต : ก่อนผ่าตัดใช่ไหม
หมอพีซ : หมอพีซ : อ่ะ ใช่ๆ อันนี้ก็จะเป็นก่อนผ่าตัด หรือ 8-12 ชั่วโมง ในกรณีแบบหมาใหญ่ อะไรอย่างนี้
แน็ต : ซึ่งเจ้าของก็ควรจะทำตาม
หมอพีซ : ใช่ พี่แน็ตทำตามหรือเปล่า
แน็ต : ทำตามสิ
หมอพีซ : อ๋อ โอเค เป็นเจ้าของที่ดี
แน็ต : คือขังกรงเลย ขังกรงแบบล่ามโซ่เลย ไม่มีอาหารขนมอะไรในรัศมี ห้าม
หมอพีซ : ดีมาก เพราะการขังกรงเนี่ย เรารู้เลย เอ๊ะ ระหว่างขังกรง เขาอึฉี่หรือเปล่า เพราะว่าแบบ ไม่กินอะไรแน่นอน เพราะเรารู้นะว่าในกรงไม่มีอะไร
แน็ต : มันก็ไม่แน่นะตัวอื่นอาจจะเอาขนมมาให้
หมอพีซ : อุ๊ยตาย ได้หรอ เป็นเพื่อนที่ดี
แน็ต : ใช่ แบบว่า หิวจังเลย อ่ะ เอาหนมไปกิน อะไรอย่างนี้
หมอพีซ : เออ อะไรอย่างนี้ เพราะว่าถ้าเราพูดเรื่องการผ่าตัดน่ะค่ะ ถ้าเราไม่งดน้ำงดอาหารจะเป็นยังไง เช่น กินมาทั้งชามเลย
แน็ต : สำลักน่ะสิ
หมอพีซ : ใช่ เวลาเราให้ยาสลบ หรือว่ายานำสลบ อาจจะมียาบางตัวที่ไปกระตุ้นให้อาเจียนได้ เพราะยามันจะไปทำปฏิกิริยากับสมออง อาจจะรู้สึกมึนๆอยากอาเจียนอะไรอย่างนี้ เวลาเขาอาเจียนมา 1 ครั้ง อาหารหรือว่าอะไรก็ตาม ขนม น้ำ อะไรอย่างนี้ ออกมาจากหลอดอาหาร แต่บางอย่างมันไม่ออกมาหมด มันยังอยู่ในปาก ทีนี้เวลาเขาหลับไปอ่ะ มันจะเข้าไปในหลอดลมหรือเปล่า หรือว่ามีการสำลัก แล้วยังไง เข้าจมูก เข้าหลอดลม เข้าปอด ถ้าอาหารเข้าไปในปอด ก็จะเป็นอาหารของแบคทีเรียในนั้นอย่างดี เพราะฉะนั้นเนี่ย ถ้าบอกว่างดน้ำงดอาหารก็ต้องงดนะ
แน็ต : เพราะต้องเคยเจอแน่ๆเลย แบบว่าบอกเจ้าของงานว่างดน้ำงดอาหารนะคะ พอเจ้าของเอามา พอหมอถามว่างดอาหารมาแล้วใช่ไหม เจ้าของก็บอกว่า
หมอพีซ : งดค่ะคุณหมอ เอ๊ะ แต่มีขนมชิ้นนึงระหว่างเดินทาง
แน็ต : ก็มันหิวง่ะ ก็มันนั่งรถแล้วมันหิวน่ะ
หมอพีซ : หมอก็จะเซ็งๆนิดนึง
แน็ต : แล้วอย่างนี้อันตรายไหม
หมอพีซ : ก็คือมันเกิดขึ้นได้ทั้งนั้นค่ะ คือการผ่าตัดเนี่ยเป็นภาวะที่มีความเสี่ยง
แน็ต : มันเหมือนคนน่ะเนาะ
หมอพีซ : พูดง่ายๆเลยก็คือเราให้เขาเนี่ยเหมือนตายไปพักนึงแล้วปลุกขึ้นมาใหม่ แต่ในระหว่างที่เขาตายไปพักนึงเนี่ย มีการเหมือนกับ maintain ความดัน ด้วยการให้น้ำเกลือ ดูแลเรื่องการหายใจ เพราะเราไม่อยากให้เขาตายจริง ถูกไหม
แน็ต : ถูก ไม่งั้นจะเอามารักษาทำแมวอะไร
หมอพีซ : ใช่ แต่ว่า ภาวะที่หมอพูดว่าให้เขาตายไปพักนึง เพราะว่า การผ่าตัดมันเจ็บ ไม่อยากให้เขาเจ็บ ไม่อยากให้เขาต้องรู้สึกและจำเหตุการณ์ได้ว่าฉันโดนมัดติดเตียง แล้วมีคนมากรีดฉัน เราไม่อยากให้เขาจำได้ค่ะ
แน็ต : แต่ไทนี่จำได้นะว่าใครตัดไข่เขาไป
หมอพีซ : เอ๊ ใครน้า แหม สวยเชียว
แน็ต : มันเดินผ่านทีไรมันต้องเช็คไข่มันตลอด ไข่หายเพราะอีนี่
หมอพีซ : นั่นน่ะสิ มิน่าเมื่อกี๊เดินขากางๆ สงสัยยังคิดว่ามีอยู่ นั่นแหละ เพราะฉะนั้นความเสี่ยงในการที่เขาเหมือนตายไปพักหนึ่งแล้วปลุกขึ้นมาใหม่ มันเยอะมาก เราต้องควบคุมหลายอย่าง เพราะงั้นถ้าเจ้าของช่วยเราสักนิดหนึ่ง ทุกอย่างมันจะ smooth มาก แต่ไม่ใช่ว่าการผ่าตัดไม่เคยมีความเสี่ยงเลย ไม่มีความผ่าตัดไหนที่ความเสี่ยงเป็น 0 ค่ะเจ้าของ ไม่มี
แน็ต : เหมือนคนแหละเนาะ
หมอพีซ : ใช่ เพราะเราต้องเซ็น
แน็ต : เพราะถึงแม้ว่าเจ้าของจะงดน้ำงดอาหารมา 8-12 ชั่วโมง ขึ้นเตียงผ่าตัด เปอร์เซ็นต์เสี่ยงที่เขาจะตายก็มีอยู่ดีถูกไหม
หมอพีซ : ใช่ เพราะปัจจัยมันเยอะมาก
แน็ต : เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเขาแพ้ยาสลบไหม เพราะเราเช็คไม่ได้
หมอพีซ : นี่ก็เป็นอีกปัจจัยที่บอกไม่ได้เลย เราจะรู้ว่าเราแพ้อาหารชนิดไหนต้องเริ่มกินมันก่อน อะไรอย่างนี้ แล้วความเสี่ยงอื่นๆก็มี เช่น อย่างที่พีซบอกว่าเราต้องดูเรื่องการหายใจ ดูเรื่องการเต้นของหัวใจ ดูความดัน ช่วยเขารักษาความดันในการให้น้ำเกลือ นู่นนี่นั่น อ้าว ผ่าตัด เลือดออกเยอะหรือเปล่า เลือดออกเยอะทำยังไงดี ต้องรีบอหยุดแล้วแหละ หรืออะไรอย่างนี้ค่ะ เพราะฉะนั้นเนี่ย ปัจจัยมันเยอะมากๆ เยอะมากจริงๆ เพราะฉะนั้นอะไรที่เราประเมินได้ก่อนผ่าตัด อะไรที่เรางดเพื่อลดความเสี่ยงได้ เราก็จะทำทุกๆอย่าง
แน็ต : แต่สุดท้ายมันก็ต้องขึ้นอยู่กับเจ้าของนะที่ให้ความร่วมมือตรงนี้
หมอพีซ : ใช่ แล้วเราต้องคุยกันค่ะ เจ้าของต้องคุย เวลาหมอจะให้เซ็นเนี่ย ก็จะบอกว่าลูกคุณมีความเสี่ยง 1 2 3 4 ทำไมหมอถึงอยากตรวจเลือดก่อนจะผ่าตัด อันนี้คำถามก็เยอะเหมือนกัน
แน็ต : ต้องดูก่อนว่าเลือดจางหรือเปล่า
หมอพีซ : ใช่ การผ่าตัด ผ่าตัดอะไร สมมติทำหมัน ทำหมันธรรมดา ทำหมันเนี่ยเป็นการผ่าตัดที่รอได้ คือเป็นการผ่าตัดทางเลือก ไม่ได้ต้องรีบวันนี้ตอนนี้ เพราะฉะนั้นเราจะประเมินให้เขาแข็งแรงที่สุดถึงจะทำ
แน็ต : แล้วอย่างบางโรงพยาบาลที่เขาทำหมันหมาแล้วไม่ตรวจเลือดล่ะ ผิดไหม
หมอพีซ : อันนี้ไม่ได้ผิด ไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่ว่าเราก็จะประเมินความเสี่ยง ณ จุดนั้นไม่ได้ แต่เราประเมินความเสี่ยงอื่นๆได้ แต่คือสมมติความเสี่ยงมี 100 อย่าง สิ่งที่เราเห็นมี 20 อย่าง แต่ที่เห็นเนี่ย สมมติเจ้าของไม่ยอมให้ตรวจเลือด การที่เราเห็น ก็ลดลงไปแล้ว เหลืออีก 15 อย่าง มี 5 อย่างที่ต้องไปลุ้นเอาในห้องผ่าตัด เช่น การแพ้ การนู่นการนี่ เพราะฉะนั้นอะไรที่เราประเมินได้ก่อนเข้าห้องผ่าตัด ก็จะเป็นการให้เรารู้ได้ก่อนว่าเราต้องทำใจประมาณไหน เราต้องรับความเสี่ยงมากเท่าไหร่
แน็ต : แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุกอย่างมันก็มีความเสี่ยงหมด เพราะฉะนั้นก็ต้องป้องกันให้ดีที่สุด หมอก็ไม่อยากฆ่าหมาหรอก
หมอพีซ : ใช่ ไม่งั้นจะเป็นหมอทำไม เรียนมาเหนื่อยแล้วเนี่ย 6 ปี เป็นอย่างน้อยนะคะเรียนหมอเนี่ย
แน็ต : จริงๆ โอ้โห อ่ะ บ่นจบยัง
หมอพีซ : ดูนานไหม ขอโทษนะ
แน็ต : ไม่นานหรอก เพิ่งจะ
หมอพีซ : 5 ชั่วโมง ไม่ใช่
แน็ต : ไม่ใช่ละ กี่นาทีไม่รู้ นั่นแหละ แต่ก็เป็นอะไรที่ในมุมมองสัตวแพทย์อยากจะพูดออกมา ใช่ไหม ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราจะมี episode 2 3 4 5 ให้ยัยนี่มันออกมาบ่นอีก ถ้าเกิดมีท่านผู้ฟังคนไหนเป็นสัตวแพทย์เหมือนกัน เจอปัญหาเดียวกันก็ comment มาได้เลย หรือว่าใครเจอปัญหาอื่นอยากมาเล่าให้ฟัง ก็บ่นๆมาเหอะไม่ต้องคิดมากหรอก เราเข้าใจแหละ เราก็คือคน มันก็ต้องมีความเครียดวามอะไรกันบ้าง อยากพูดอะไรก็พูดออกมา
หมอพีซ : ขอบคุณนะคะที่มีพื้นที่ให้รับฟัง คือมันก็เป็นประโยชน์กับทุกคนนะ
แน็ต : ได้เลย โอเค เดี๋ยว episode 2 รอบหน้ามาเราจะคุยกันเรื่องอื่นต่อ
หมอพีซ : โอเคค่ะ
แน็ต : ถ้าชอบ episode นี้ ชอบรายการแบบนี้ ก็อย่าลืม subscribe ใน podcast มานะคะ ส่วนถ้าเกิดว่าใครมีข้อติชมอะไร ก็ติมาได้ แต่เบาๆหน่อยแล้วกัน อย่าด่าแรง
หมอพีซ : หมอ sensitive
แน็ต : หมอ sensitive อย่าไปด่าหมอนะ นานๆจะลากหมอมาได้สักที โอเค วันนี้ไปแล้วค่ะ สวัสดีค่ะ
หมอพีซ : สวัสดีค่ะ