แน็ต : สวัสดีค่ะ แน็ตจากเพจคนใจหมา วันนี้อยู่กับช่วงคุยกับคนใจหมา เรามากับปัญหาน้องหมากัดหมาตัวอื่นในบ้าน ใช่ไหม
ฝน : ใช่ค่ะ
แน็ต : แล้วก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียวไม่ได้ด้วยใช่ไหม?
ฝน : ใช่ค่ะ
แน็ต : เอาทีละเรื่องละกัน เอาที่ว่ากัดหมาในบ้านก่อน อันนี้เขาอายุเท่าไร? 3 ขวบใช่ไหม?
ฝน : ค่ะ ใช่ค่ะ 3 ขวบ
แน็ต : 3 ขวบ เป็นพันธุ์ไทยแท้เลยเนาะ
ฝน : ไทยหลังอานค่ะ
แน็ต : ไทยหลังอาน 3 ขวบ เป็นแบบนี้มานานหรือยังคะ? ที่กัดกันน่ะ
ฝน : เป็นมานานแล้วค่ะ คือต้องแยกกันอยู่มาตั้ง 2 ปีแล้วค่ะ
แน็ต : ของพี่ฝนนี่มีหมาที่บ้านกี่ตัวคะ?
ฝน : มีทั้งหมด 3 ตัว แล้วทีนี้ไอ้ตัวที่กัดกันเนี่ย มันจะมีแบ่งเป็น 2 กลุ่ม
แน็ต : เป็น 2 ก๊กนะ
ฝน : ไอ้ตัวที่อยู่ในบ้านคือตัวที่ถูกเขากัด แล้วอีก 2 ตัว หมาไทยทั้งคู่คืออยู่ด้วยกันได้
แน็ต : แล้วตัวที่มีปัญหานี่เขาอยู่ตัวเดียวหรือสองตัว
ฝน : อยู่สองตัวค่ะ
แน็ต : แล้วทั้งสองตัวนี้ก็ไปกัดไอ้ตัวเดียวนี่เหมือนกันใช่ไหม?
ฝน : ใช่
แน็ต : โอเค พอจะเข้าใจ เหมือนที่บ้านแน็ตเลย ที่บ้านแน็ตก็เป็น มีอยู่ 4 ตัว มีอยู่วันหนึ่ง ไอ้ตัวหนึ่งตัดสินใจไปรุมไอ้ขี้กลัว เสร็จ ตัวอื่นก็ตามมาช่วยรุมกันหมดเลย เละเทะ แต่ข้อดีคือเขาแก้ได้นะคะ อันนี้อย่างแรกเลย น่าจะเคยเห็นในวิดีโอแน็ตบ้างแล้วแหละว่า เวลาหมากัดกันเราควรจะจัดการอย่างไร กรณีนี้คือมันแยกกันอยู่มานานแล้วใช่ไหม
ฝน : ประมาณ 2 ปีแล้วค่ะ
แน็ต : 2 ปีอาจจะต้องใช้เวลานิดหนึ่งเนาะ อันนี้คือพี่ฝนอยากจะให้มันกลับมาอยู่ด้วยกันให้ได้ใช่ไหมค่ะ
ฝน : ใช่ค่ะ
แน็ต : โอเค อันนี้ต้องใช้ความพยายามนิดหนึ่งนะ ถ้าให้แน็ตแนะนำนะ แน็ตก็จะแนะนำให้เอาทีละตัวให้มันเจอกันน่ะ คืออย่าเพิ่งเอาไอ้สองตัวมาเจอกับไอ้ตัวแรกเลย แต่เอาหนึ่งในสองตัวเนี่ย มาเจอกับไอ้ตัวนี้ก่อน แล้วดูซิว่าเขากัดกันไหม นี่คือใส่สายจูงปล่อยปกติเลยนะ
ฝน : ต้องครอบปากด้วยไหม?
แน็ต : ถ้าคิดว่าครอบแล้วไม่ทำให้หมาเครียดกว่าเดิมก็ครอบก็ได้ค่ะ แต่เจ้าของส่วนใหญ่จะใส่ที่ครอบปากหมาไม่ถูกต้อง พอเวลาหมาเจอที่ครอบปากปุ๊บหมาจะเครียดกว่าเดิม
ฝน : เออใช่ แบบว่าพอใส่ปุ๊บมันจะเขี่ยออก
แน็ต : ใช่ๆ ไอ้วิธีใส่ที่ครอบปากเนี่ยเดี๋ยวแน็ตส่งลิ้งค์ไปให้ มันมีวิธีใส่อยู่ เพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าคิดว่าถ้าใส่ที่ครอบปากแล้วจะทำให้ทุกอย่างแย่กว่าเดิมก็อย่าไปใส่มันซะ มันจะยิ่งมีปัญหาเปล่าๆ แต่แนะนำให้เอาสองตัวเนี่ยใส่โซ่กระตุกค่ะ ที่เป็นโซ่ที่มันรัดแน่นขึ้นเวลาเราดึง แล้วก็เหมือนว่าเอาทั้งสองอันล่ามด้วยโซ่อีกทีหนึ่ง ทีนี้ให้เขามาเจอกัน ถ้าเขาเจอกันแล้วดมๆแล้วเฉยๆก็จบไป แสดงว่าหมาคู่นี้ไม่มีปัญหา เพราะส่วนใหญ่เวลาสู้กันเนี่ยมันจะมีตัวหนึ่งที่เป็นตัวเริ่ม และอีกตัวหนึ่งจะเป็นตัวช่วยเสริม ตอนนี้กำลังหาอยู่ละว่าใครคือตัวเริ่ม บางทีมันก็เป็นไอ้ตัวขี้กลัวนี่แหละที่เป็นตัวเริ่ม เป็นไปได้ แต่พอให้ล่ามไว้ปุ๊บ กรณีถ้าเกิดเขาพุ่งเข้าไปกัดกันปุ๊บ อย่างน้อยเราคว้าโซ่แยกมันออกมาได้
ฝน : แต่ส่วนใหญ่จะเป็นไอ้ตัวอานนี่แหละตัวเริ่ม คือประเภทแบบเห็นไม่ได้น่ะ ก็คือจะพยายาม มันจะมีประตูกั้นอยู่น่ะค่ะ พอใครเปิดประตูเนี่ย ไอ้นี่จะหาช่องทางอยากจะเข้าไป อยากจะเข้าไปในบ้านเพื่อที่จะไปกัดไอ้ตัวขี้กลัวข้างใน
แน็ต : อืม ซึ่งเคยกัดได้ใช่ไหม?
ฝน : ใช่ ถ้าหลุดเข้าไปก็จะกัดได้ทุกครั้งค่ะ
แน็ต : ใช่ แน็ตเข้าใจพี่ เพราะมันจะมีตัวหนึ่งเริ่ม ซึ่งคนส่วนใหญ่เข้าใจผิด จะคิดว่าไอ้ตัวที่วิ่งไปกัดเขาคือตัวเริ่ม จริงๆมันอาจจะไม่ใช่ตัวเริ่มนะ เป็นไปได้ว่าไอ้ตัวขี้กลัวนี่แหละคือตัวเริ่ม คำว่าเริ่มนี่ไม่ใช่หมายถึงวิ่งไปกัดเขาก่อน แต่คำว่าเริ่มนี่คือเป็นตัวที่เริ่มให้วงโคจรการกัดมันเริ่มต้นน่ะค่ะ คือแทนที่หมาสองตัวจะนอนกันอยู่นิ่งๆ เฉยๆ สงบๆ ไอ้ตัวนี้มันขี้กลัว พอมันเจอไอ้ตัวหลังอานเข้ามาใช่ไหม มันเริ่มเกิดความกลัว พอมันเกิดความกลัวปุ๊บ มันก็เริ่มปล่อยพลังงานของความกลัวออกมา หูเริ่มตก เริ่มหาที่ซ่อน บางตัวเริ่มหาที่หนีอะไรประมาณนี้ ไอ้การกระทำพวกนี้ พฤติกรรมพวกนี้ มันก็เป็นเหมือนตัวกระตุ้นให้หมาตัวอื่นจะมาจัดการ เพราะอันนี้ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่าพฤติกรรมหมาที่ขี้กลัวเนี่ย มันไม่ใช่พฤติกรรมหมาที่ปกติ เป็น พฤติกรรมที่หมาในฝูงเขาไม่ยอมรับกัน
ฝน : อืม
แน็ต : เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเป็นไปได้ แน็ตก็จะแนะนำให้หยุดไอ้ตัวที่ขี้กลัว คือกระตุกสายจูง หรือเราต้องพิสูจน์ให้ไอ้ตัวที่ขี้กลัวรู้ให้ได้ ว่าถึงแม้หมาตัวอื่นจะเข้ามา เขาก็ไม่ได้จำเป็นต้องกัดคุณนะ เพราะว่าฉันอยู่ตรงนี้
ฝน : อืม มันเคยโดนกัดไงคะ มันก็เลยกลัว
แน็ต : แน็ตว่ามันไม่ใช่แค่หมากลัวค่ะ มันคือเจ้าของกลัวด้วย
ฝน : ใช่ เจ้าของก็กลัวมันถูกกัด
แน็ต : ใช่ พอเจ้าของก็กลัวมันถูกกัด เจ้าของก็สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หมาสติสตังนี่ไปเรียบร้อยแล้ว แทนที่หมาจะรู้สึกว่าถึงแม้ว่าเขากลัว แต่เขายังมีเจ้าของที่เขาสามารถพึ่งพาได้ แต่เจ้าของก็สติสตังแตกเหมือนกัน เราไม่ได้ทำตัวให้เราปกป้องเขาได้ เขาก็ไม่รู้สึกว่าเจ้าของสามารถปกป้องเขาได้ เขาเลยต้องปกป้องตัวเขาเอง นั่นคือเขาต้องหนี ถ้าเขาไม่หนีเขาก็ต้องวิ่งเข้าไปกัดก่อน มันมีอยู่สองทาง อธิบายมาถึงตรงนี้เข้าใจไหมคะ?
ฝน : ค่ะ กำลังจะถามว่า แล้ววิธีอย่างไรที่หมาจะรู้สึกว่าเจ้าของปกป้องเขาล่ะคะ
แน็ต : ถ้าสมมติพี่เป็นคุณครูอนุบาลเนาะ เป็นครูโรงเรียนอนุบาล แล้วมีนักเรียนอยู่สองคน อารมณ์คล้ายๆกันเลย เด็กคนหนึ่งเกเร ชอบไปไล่ชกเด็กคนอื่น แล้วมีเด็กคนนี้ที่ขี้กลัวมากเลย อ่อนแอมากเลย เขาจะถูกแกล้งตลอดเวลาเลย เวลาพี่เข้าไปอยู่ตรงกลางระหว่างเด็กสองคนนั้นน่ะ พี่จะทำตัวอย่างไรให้ไอ้เด็กที่เกเรมันไม่เกเร จะทำอย่างไรให้เด็กที่ขี้กลัวรู้ว่าไม่ต้องห่วง คุณครูมาแล้วเดี๋ยวคุณครูจะจัดการให้
ฝน : อืม
แน็ต : คือเจ้าของไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเลย เจ้าของเปลี่ยนตัวเจ้าของเองก่อนเลย นั่นคือสติคุณต้องมา เข้าใจไหมคะ? อย่าสติแตก สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดหมาก็กัดกัน เพราะฉะนั้นเจ้าของต้องให้รู้ว่าถ้ามันกัดกัน โอเค เปอร์เซ็นมันกัดกันน่ะมี โอเค อย่าไปกลัวมัน ถ้ามันกัดกันเราค่อยแก้ปัญหาตรงนั้นคือดึงสายจูงแยกออกมา แต่ถ้ามันยังอยู่เฉยๆไม่มีอะไรก็อย่าเพิ่งไปกลัว เพราะการที่เรากลัวเนี่ย มันยิ่งกระตุ้นให้หมาที่กลัวอยู่แล้ว ขี้กลัวกว่าเดิม งงไหม?
ฝน : โอเค
แน็ต : แน็ตเข้าใจว่าเจ้าของส่วนใหญ่ต้องการรู้วิธีทำอย่างไรไม่ให้หมากัดกัน แต่ 90% ที่หมากัดกันมันไม่ได้เกี่ยวกับหมา มันเกี่ยวกับเจ้าของล้วนๆ เพราะถ้าเจ้าของอยู่ตรงกลางน่ะ คุณต้องมีสติครบ คุณต้องสงบ ถ้าไอ้ตัวที่ขี้กลัวมันเริ่มทำท่าขี้กลัวแล้ว คุณเดินไปจิ้มมันเลย คุณเดินกระตุกสายจูงเลย ว่าเฮ้ย อย่ากลัวเว้ย ฉันอยู่ตรงนี้ ฉันปกป้องคุณได้ ส่วนไอ้ตัวที่เกเร ถ้ามันวิ่งมา กระตุกสายจูงเลย หรือเราใช้ร่างกายเรานี่แหละเป็นกำแพงระหว่างไอ้ตัวที่ขี้กลัวกับไอ้ตัวที่ไม่ขี้กลัว ก็คือยืนขวางเลยแล้วก็ให้มันรู้เลยว่าไม่ ถ้าฉันบอกว่าไม่ก็คือไม่
ฝน : ค่ะ
แน็ต : คือหมากำลังจะฆ่ากันแล้วล่ะ ทีนี้เจ้าของจะใช้พลังงานอย่างไรในการไม่ให้มันฆ่ามัน อันนี้แน็ตว่าเจ้าของควรจะรู้ว่าควรจะใช้อารมณ์อย่างไร ควรจะใช้ความกล้าหาญขนาดไหน ถ้าจะมาห้ามทัพหมาสองตัวไม่ให้กัดกันแล้วตัวเจ้าของยังเองก็กลัวหมาเจ็บ อย่ากัดกันนะลูกน้า แม่ขอร้องอย่ากัดกันน้า คือมันไม่ใครฟัง พี่นึกออกไหม พี่จะมีอาวุธในมือก็ได้ พี่มีไม้ก็ได้ ไม้แบตก็ได้ไม้เทนนิสก็ได้ คือไม่ได้ให้เอามาฟาดไอ้ตัวที่เกเรนะ แต่คืออย่างน้อยมันเป็น back up ได้อีกหนึ่งชิ้น เพราะเวลาหมาจะกัดอะไร เขาจะจ้องตาสิ่งน้ัน เพราะงั้นถ้าไอ้ตัวที่เกเรเขาพร้อมจะลุยไอ้ตัวที่ขี้กลัว เขาจะไม่สบตาพี่
ฝน : อืม
แน็ต : เขาจะจ้องแต่ไอ้ตัวที่ขี้กลัวนี่แหละ แล้วคือยิ่งจ้อง ไอ้ขี้กลัวก็ยิ่งกลัวกว่าเดิม ประมาณว่า ตายละ มันเห็นแล้วๆ เอาไงดีๆ สิ่งที่พี่ทำได้คืออะไร พี่เรียกเขาให้ขึ้นมาสบตากับพี่ นั่นคือต้องดึงสติเขาออกมาให้ได้ เราใช้วิธีกระตุกสาย ถ้ากล้าหน่อยเอานิ้วจิ้มสีข้างเลยก็ได้ แต่ถ้าไม่กล้าก็อย่าไปทำนะ เพราะถ้าทำไม่แรงพอหรือทำไม่ถูกต้องเนี่ยหมามันจะสวยเรากลับมา ถ้าทำอย่างไรหมาก็ไม่หัน กระตุกสายจูงอย่างไรหมาก็ไม่สนใจ ลองดูว่าเรากระตุกแรงพอไหม อย่ากระตุกแบบ นี่แน่ะๆๆ กระตุกคือปึ้ก!เลย เอาให้ดัง ให้หมาเซเลยก็ได้ พอหมาเซแล้วเขาจะเสียสมดุลแล้วเขาจะงงว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆทำไมเราจะล้ม แล้ว 2 วินาทีนั้นแหละเขาจะมาสนใจพี่ นึกออกไหม? ซึ่งมันโอเคถ้า 2 วินาทีเขาสนใจพี่แล้วเขากลับไปสนใจไอ้ที่กลัวต่อ มันเป็นเรื่องปกติ แต่อย่างน้อยเขาสนใจพี่ได้แล้ว 2 วินาที ทีนี้เราก็ทำอีกรอบเพื่อให้เขารู้ว่า เฮ้ย เราอยู่นี่ มองตาเรานี่ไม่ต้องไปมองตาคนอื่น มองเรานี่ ถ้าแม่บอกว่าไม่ก็ไม่ ประมารนั้น แล้วเรามีไม้แบตเอาไว้ทำอะไร กรณีเลวร้ายที่สุดเลยคือกระตุกแล้วก็ไม่สนใจ ทำอะไรแล้วก็ไม่สนใจ คือมันพร้อมจะพุ่งจะฆ่ากันอย่างเดียว เอาไม้แบตน่ะ ขวางข้างหน้ามันเลย มันจะมองๆอยู่ดีๆ แล้วมันก็จะมีอะไรมาพาดอยู่ข้างหน้ามัน อันนี้มันสนใจแน่นอน มันก็จะ หือ? เกิดอะไรขึ้น? อะไรเนี่ย? เพราะทั้งหมดทั้งมวลคือเราต้องการให้เขาหันกลับมาสนใจเรา ไม่ได้สนใจไอ้ตัวนู้น แล้วเราจะหยุดเมื่อไร? หยุดเมื่อร่างกายของไอ้ตัวที่เกเรเขาเดินหนีไป หรือเขานั่งลง ร่างกายเขา relax ขึ้น อันนี้เรียกว่าสำเร็จ เป็นการเริ่มต้นที่ดี แต่ไม่ได้แปลว่ามันจะหายขาดนะ ไม่ใช่นะ แต่อย่างน้อยไอ้ตัวที่เกเรมันก็รู้ว่า เฮ้ย ทุกครั้งที่กูจะไปกัดตัวอื่นน่ะ กัดไม่ได้นะ เพราะอีป้านี่มันดูอยู่ ถ้ามีป้านี้อยู่ก็ไม่ควรจะทำ ฉันไม่ได้มีอำนาจในการที่จะทำพวกนี้ได้ ฉันไม่ใช่จ่าฝูงอีกต่อไป เราต้องลดทอนอำนาจเขามาในตัวด้วยเหมือนกัน
ฝน : ความถี่คืออย่างไรคะ? ทำทุกวันฝึกทุกวันหรือว่าอย่างไร?
แน็ต : ช่วงที่หมาแน็ตเป็นแน็ตฝึกทุกวันเลย แต่แน็ตไม่ได้แยกหมาอยู่ คือเขาก็อยู่ด้วยกัน ตัวหนึ่งเลือกที่จะไปอยู่ข้างหน้า ตัวหนึ่งเลือกที่จะอยู่ข้างหลัง เรื่องของมัน แน็ตไม่ได้สนใจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบ้านแน็ตมันก็ไม่ได้มีที่ซ่อนเยอะหรอก ส่วนใหญ่มันก็อยู่ด้วยกัน ถ้าไอ้ตัวที่เกเรเดินผ่านตัวที่ขี้กลัวใช่ไหม ไอ้ตัวที่ขี้กลัวเริ่มทำตัวกลมๆละ เริ่มทำตัวหลบ ทำตัวเอียง แล้วไอ้ตัวเกเรเริ่มหันหน้าแบบว่า เอาเซ่ แกกลัวฉันนี่นา เดี๋ยวฉันจะจัดการ อะไรประมาณนี้ แน็ตจะทำเสียงดังเลย ให้รู้เลยว่าไม่ เสียงอะไรก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แน็ตก็จะพูดว่าไม่แหละ ไม่ ห้าม อะไรอย่างนี้ ไอ้ตัวที่เกเรก็จะแบบ เออ ไม่ทำก็ได้วะ แล้วมันก็เดินออกไป ทีนี้เราก็ลดทอนอำนาจไอ้ตัวเกเรละ เพราะแกไม่มีอำนาจในบ้านนี้นะ เจ้าของอยู่ไม่อยู่ก็ตาม คุณไม่มีอำนาจ ฉันคือคนที่มีอำนาจ ทีนี้ไอ้ตัวที่ขี้กลัวก็จะแบบ โห พระเจ้า นี่เรามีเทพธิดามาปกป้องเรานี่หว่า เขาก็จะรู้ว่า ต่อไปนี้ถ้าเกิดอะไรขึ้นนะ เทพธิดานี้แหละที่จะช่วยปกป้องฉันเอง
ฝน : อืม
แน็ต : เพราะฉะนั้นถ้ามันเกิดเหตุการณ์อะไรแบบนี้ในอนาคตเนี่ย ไอ้ตัวที่ขี้กลัวเขาก็จะเดินมาหลบหลังพี่ ซึ่งมันก็โอเค มันไม่ได้หนีไปหลบที่อื่นหรอก มันยังอยู่กับคน แต่สุดท้ายเนี่ยเราอยากให้เขาเรียนรู้ที่จะอยู่ได้ด้วยตัวเอง คือทุกครั้งที่เจอกันไม่ต้องเครียดเลย ไม่จำเป็นต้องกัดกัน อันนี้ต้องใช้เวลานะ ของแน็ตก็ใช้เวลาประมาณเดือนหนึ่งกว่าเขาจะดีขึ้น คือตอนนี้หยุดแล้ว หายแล้ว เล่นกันได้แล้ว จากที่เมื่อก่อนที่เจอหน้ากันกัดกันนะ ตอนนี้มันวิ่งเล่นด้วยกันเรียบร้อยแล้ว
ฝน : อย่างนี้ก็แสดงว่า ถ้าตัวที่กลัวมันแสดงความกลัวลดลง ไอ้ตัวที่เกเรมันก็จะไม่กล้า
แน็ต : ถูก เพราะวงจรเขาไม่เกิดแล้วไงคะ หมามันจะไม่อยู่ดีๆไปกัดกัน นึกออกไหม ถ้ามันไม่ใช่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า ที่ว่าเป็นโรคประสาทก็คุมไม่ได้แล้ว หรือว่าเขากลัวส่วนตัวเอง อะไรประมาณนี้ ส่วนใหญ่ถ้าเกิดกัดกันเนี่ย มันจะมีวงจรของมัน ตัวหนึ่งที่ขี้กลัวเนี่ยแหละ จะเป็นตัวที่ไปกระตุ้นความอยากล่าของตัวที่ไม่กลัว พอตัวไม่กลัวเห็นก็จะบุก อะไรอย่างนี้ มัน feed กันและกันน่ะ ทีนี้เราต้องตัดวงจรละ โดยการไปเป็นตัวขวางระหว่างสองตัวนี้ ถ้าฉันบอกว่าไม่ก็คือไม่ ถ้าบอกให้เงียบก็คือเงียบ ถ้าบอกให้ไปก็คือไป แต่เจ้าของน่ะ ต้องเอาองค์ความเป็นจ่าฝูงมาลงให้เต็มเหนี่ยว เหมือนเรากำลังจะห้ามเด็กสองคนไม่ให้ต่อยกันน่ะ เราจะห้ามเขาอย่างไร อันนี้อย่างที่หนึ่งที่ให้ทำ อย่างที่สองก็คือเวลากินข้าวให้กินด้วยกัน ซึ่งเข้าใจว่ามันน่ากลัว เข้าใจ อย่าคิดมาก พอพูดคำนี้ทุกคนจะแบบ โห จะดีหรอคุณ นี่แค่ไม่มีของกินมันยังจะกินกันเองเลยน้า คืออยากจะให้เอามากินข้าวด้วยกัน อันนี้คือให้ 3 ตัวเนี่ย นั่งแยกกันเลย คือนั่งรอเรียงหน้ากระดาน เดี๋ยวแน็ตส่งวิดีโอหน้าเพจให้ดู คือ 3 ตัวต้องนั่งรอ เราเอาชามอาหารวาง คุณยังไม่มีสิทธิ์มาเอานะ เพราะอาหารนี้ไม่ใช่ของคุณ มันเป็นของฉัน ฉันให้แกกิน เพราะฉะนั้นฉันจะบอกเอาว่าเมื่อไรฉันถึงจะให้แกกิน นี่คือเรากำลังเลียนแบบความเป็นจ่าฝูงในฝูงหมา เพราะเรากำลังจะเป็นหมาอีกตัวละ แน็ตจะไม่ฝึกให้หมาเป็นคน แต่แน็ตจะฝึกให้พี่เป็นหมา เนาะ เพราะฉะนั้นสิ่งที่พี่ทำคืออะไร พี่ยินอยู่ตรงชามเลย แล้วถ้าตัวไหนนะ หลุดออกจากที่มันออกมา ไล่มันกลับไป ใส่สายจูงพากลับไปยืนที่เดิม แล้วมันจะมีแบบ ตอนแรกก็อยู่ตรงนี้ สักพักลุกขึ้นมาเดินมาสองก้าว เดินมาอีกสองก้าว เจ้าของก็ไม่ห้าม รู้ตัวอีกทีคือมาถึงชามแล้ว อะไรประมาณนี้ มีๆ หมามารยามันเยอะ ขึ้นอยู่กับว่ามันจะเอามารยาไหนมาใช้ ทั้งนี้ทั้งนั้นคืออะไร ถ้าเกิดให้นั่งตรงนี้ คุณก็ต้องนั่งตรงนี้ ถ้าคุณเดินออกมา เจ้าของจับใส่สายจูงพากลับไปที่จุดเดิม ทั้ง 3 ตัวต้องนั่งรอ ถ้าไม่รอ วันนี้ก็ไม่ต้องกิน มันต้องโหด เพราะแบบนี้เรากำลังสอนวินัยหมาละ เหมือนเขาสอนวินัยทหารในโรงเรียนฝึกทหาร ถ้าคุณไม่ทำตามที่เราสั่ง คุณก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้ทั้งหมดทั้งมวล พี่ต้องฝึกวินัยหมาให้ได้ เพราะถ้าหมาพี่คอยพี่ได้นะ มันทำให้เราดูแบบมีอำนาจเหนือหมาขึ้นเยอะเลย นึกออกไหมคะ พอ 3 ตัวนั่งรอเรียบร้อย ข้าววางปุ๊บ ไม่มีตัวไหนเดินออกมา ทุกตัวสงบนิ่ง เรียกตัวขี้กลัวออกมาก่อนเลย ให้ตัวขี้กลัวออกมากินก่อนนะคะ ซึ่งตัวที่ขี้กลัวน่ะ เขาจะไม่กิน เพราะเขากลัว
ฝน : ใช่ๆ
แน็ต : ใช่ เพราะตามธรรมชาติสัตว์เลยเนี่ย ตัวที่เกเรสุดจะเป็นตัวที่ได้กินก่อน แต่ตอนนี้เรากำลังจะปรับใหม่แล้ว ว่าไอ้ตัวที่เกเรสุดน่ะ แกไม่มีอำนาจในบ้านนี้นะ ฉันเป็นคนบอกเองว่าใครกิน เพราะฉะนั้นแกกินตัวสุดท้ายเลย แล้วเอาไอ้ตัวที่ขี้กลัวน่ะออกมาก่อน อาหารอย่าใช้อาหารเม็ด ใช้อาหารที่มีกลิ่น กลิ่นแรงๆ เอาตับผสม เอาเนื้อไก่ผสม ให้หมามันใช้กลิ่นตรงนี้เพื่อข้ามผ่านความกลัวของเขาไปได้อย่างง่ายขึ้น นึกออกไหม แบบ กลัวก็กลัวนะ กลัวฉิบหายเลย แต่กลิ่นมันก็น่ากิน เอาไงดีวะ เออกินมันเลยแล้วกัน แล้วอย่าเพิ่งไล่ไปตัวที่สองตัวที่สาม จนกว่าตัวแรกจะกินเสร็จ
ฝน : ค่ะ
แน็ต : ถ้าเขากินๆแล้วเขาหยุด แล้วเขาหันไปมองแบบ ทำท่าเอี้ยวหลังไป เหมือนแบบ เอายังไงดี เราก็เรียกเขากลับมา เหมือนดึงความสนใจเขากลับมา พอตัวที่หนึ่งกินเสร็จปุ๊บ เราก็ค่อยๆถอยมาเป็นตัวที่สอง ตัวที่สาม ตัวที่เกเรคือกินหลังสุดเลย
ฝน : อืม อย่างนี้ต้องใส่สายจูงไว้ทุกตัวเลยใช่ไหมคะ?
แน็ต : ใช่ เผื่อกรณีฉุกเฉิน ซึ่ง 99% มีแน่นอน เพราะหมาไม่เคยมีวินัยในการกินข้าวมาก่อน เพราะฉะนั้นเดี๋ยวมันก็มีแน่นอน เดี๋ยวมันก็เดินมากิน เดี๋ยวมันก็ลุกออกมาจากที่นั่งมัน หรือหนักหน่อยคือไอ้ตัวที่เกเรน่ะ จะเริ่มทำเสียงขู่อีกสองตัว อันนี้ก็ใช้อารมณ์เดียวกันเลย พี่กระตุกสายจูงเลย พี่ทำเสียงให้เขารู้เลยว่าสิ่งที่เขาทำอยู่มันไม่ดี คือหมาตอนนี้ต้องเรียนรู้แล้วว่าผลที่ตามมาคืออะไร ถ้าคุณทำดี คุณนั่งรอ คุณนั่งเงียบๆ ผลที่ตามมาคือ คุณได้กินข้าว ถ้าคุณเห่า คุณขู่ คุณไม่รอ คุณเดินออกมาโดยที่เรายังไม่ได้เรียก คุณทำตัวเกเรกับหมาตัวอื่น ผลที่ตามมาคือ เป็นแบบนี้ อาจจะต้องมีการตีจมูก หรือใช้ร่างกายเราบอกให้เขารู้ว่า ไม่ ไม่คือไม่ อะไรประมาณนี้ นึกออกไหมคะ?
ฝน : ต้องฝึก
แน็ต : ใช่ แต่ทั้งหมดทั้งมวลคือหมาเขาจะไม่ฟังเลยนะ ถ้าเจ้าของไม่เปลี่ยน ถ้าเจ้าของไม่มีความเป็นผู้นำ เพราะใครมันจะไปฟังล่ะ หมามันไม่ใช่คน มนุษย์มันเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวเลยมั้งที่มีผู้นำ ที่ไม่ควรจะเป็นผู้นำในหลายๆทาง นึกออกไหมคะ? มีคำถามอะไรกับตรงนี้ไหม?
ฝน : ต้องลองดูก่อนค่ะ
แน็ต : ใช่ๆ ต้องลอง แต่ทำใจนะ อาทิตย์แรกน่ะ มันอาจจะยังมีปัญหาอยู่บ้าง ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องแบบ อย่าเพิ่งยอมแพ้ ถ้าทุกครั้งพี่ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการให้ข้าวหมา 3 ตัว ก็คือครึ่งชั่วโมง เดี๋ยวต่อไปจะลดลงมาเอง
ฝน : ต้องลองดู อย่างเคสนี้ต้องลองดู ต้องมีคนสองสามคนเนาะ ช่วยกัน
แน็ต : ได้ค่ะ ถ้าเราคิดว่าเราคนเดียวเอาหมาสามตัวไม่อยู่ เราต้องหาผู้ช่วย แต่ผู้ช่วยก็คือต้องมาอารมณ์เดียวกันเลย คือเขาต้องมีความเป็นผู้นำ ถ้าผู้ช่วยก็กลัวก็อย่าเอามาเลย มันจะมีปัญหาเปล่าๆ
ฝน : อืม
แน็ต : ส่วนเรื่องที่สองที่ว่าเห่าเรียกร้องความสนใจ ประมาณนั้นไหม?
ฝน : ใช่ๆ มันชอบเห่าตอนกลางคืนค่ะ คือปกติเนี่ย มันจะเห่าประมาณตี 5 กว่าถึง 6 โมง คือเห่าเรียกคนน่ะ เสร็จแล้ว ตอนนี้พี่ย้ายมานอนห้องที่อยู่ติดกัยที่มันนอน แล้วห้องมันมีหน้าต่าง มันก็จะมองเห็นเรานอนอยู่ในห้อง ทีนี้มันเรียกทุกชั่วโมง แบบเรียกให้มาหามันน่ะ คือตั้งแต่เที่ยงคืนก็เรียกตลอดเลยค่ะ
แน็ต : แล้วทุกครั้งที่เรียกพี่ก็ไปหามันใช่ไหม?
ฝน : ก็ใช่ เพราะมันเสียงดังมาก เราก็เกรงใจเพราะมันคือทั้งเห่าทั้งหอน คือเรียกแบบให้เราออกมาให้ได้
แน็ต : อืม คือฝึกหมาแบบนี้มันต้องทำใจเรื่องเสียงดัง เพราะการที่เขาเห่าเรียกเรา แล้วเราเดินออกไป 1+1=2 หมาก็เข้าใจว่า อ๋อ ที่เจ้าของออกมารอบที่แล้วก็เพราะฉันเห่า ถ้ารอบหน้าฉันอยากให้เจ้าของออกมา ฉันก็เห่า นึกออกไหม? แต่แน็ตเข้าใจว่าคนแถวบ้านมันรำคาญเขา
ฝน : ใช่ ไอ้เราจะปล่อยเราก็เกรงใจข้างบ้านเนาะ เราก็ต้องออกไปดุมันอะไรอย่างนี้
แน็ต : คือถ้าให้ดีเนี่ย ทำตามทฤษฎีนะ ตามทฤษฎีคือหมาเห่าไม่ควรจะสนใจ เพราะหมาเห่าเพื่ออะไร เพื่อเรียกร้องความสนใจ ถ้าเราไปให้ความสนใจมัน มันก็จะเรียนรู้ที่จะเรียกร้องความสนใจต่อไป
ฝน : อืม
แน็ต : ถ้าอย่างนี้ตอนกลางวันลองเอาเขาเข้าไปในกรง ไม่ใช่กลางคืนละ ฝึกกันตอนกลางวัน ถ้าเขาเห่าเขาอะไรอย่าไปสนใจ เมินเฉยกันไปเลย อาจจะต้องไปขอโทษเพื่อนบ้านล่วงหน้าก่อน ว่าขอโทษนะคะ จะฝึกหมา อาจจะมีเสียงดังบ้าง แต่กำลังจะแก้ปัญหาเพื่ออนาคต
ฝน : ถ้ากลางวันนี่ยังโอเคนะ พี่ว่าเขาน่าจะพอรับได้ แต่กลางคืนนี่แบบ นะ
แน็ต : เข้าใจพี่ เพราะฉะนั้นพี่ต้องเอาให้ได้ตั้งแต่กลางวัน นั่นคือฝึกมันกลางวันเลย ก่อนเอาเขาเข้ากรง ไม่ว่าจะตอนไหนก็ตาม ควรเอาหมาออกกำลังกาย เขาจะได้เหนื่อย เหมือนเราน่ะ เหมือนถ้าแน็ตให้พี่ไปวิ่งมาราธอนอย่างนี้ กลับมาถึงบ้าน ต่อให้เครียดแค่ไหน ต่อให้อารมณ์เสียแค่ไหน เราก็เหนื่อยจนเราหลับ ถูกไหม? อารมณ์เดียวกัน หมาก็เหมือนกัน ตอนนี้คือเขาไม่ต้องการอยู่ของเขาตัวเดียว เขาต้องการให้คนมาหาเขา เพราะฉะนั้นวิธีที่จะแก้คืออะไร เราเพิกเฉย อย่าไปสนใจมัน ทีนี้หมามันจะมีพลังงานเยอะแล้ว ทีนี้หมามันก็จะเห่าๆๆ เห่าอยู่นั่นแหละ เห่าไม่หยุดเลย เห่าจนเพื่อนบ้านเอาปืนมายิง ประมาณนั้น เพราะฉะนั้นเราก็เลยต้องเอาเขาไปออกกำลังกายก่อน เอาไปวิ่ง วิ่งกับจักรยาน เอาไปเดินหรือเอาไปเล่น ให้หมาเหนื่อย แล้วเขาจะนอนนานขึ้น แทนที่มันจะเห่าเรียกเจ้าของออกมา มันก็จะเหนื่อยจนมันไม่มีอารมณ์จะเห่า แล้วมันก็จะเหนื่อยจนมันไม่สนใจเจ้าของมันเลย ทีนี้พอทำแบบนั้นเสร็จ พอให้หมาวิ่ง หมาว่ายน้ำ หมาเดิน ทำอะไรก็ตามให้มันเหนื่อย พอเสร็จปุ๊บใส่เข้ากรง อาจจะให้ขนมเขากินก็ได้ ให้เขารู้ว่าการที่คุณเข้ากรงคุณได้อะไรบางอย่างนะ ให้ขนมเขากิน ให้กระดูกเขากิน เสร็จแล้วก็เพิกเฉยมันไปเลย ถ้ามันเห่ามันหอนมันข่วนอะไร ไม่ต้องไปสนใจมัน อาจจะใช้เวลา ถ้าเขาทำแบบนี้เป็นนิสัย ที่เขาเห่าแล้วพี่ออกไปหาเขา มันจะเห่านานหน่อย ตั้งนาฬิกาไว้เลยก็ได้ เพราะเจ้าของส่วนใหญ่จะชอบบอกหมาพี่เห่าเป็นชั่วโมง แน็ตบอก พี่ จริงๆหมาพี่เห่าแค่ 10 นาทีเองนะ แต่เรารู้สึกเหมือนเป็นชั่วโมงเนาะ
ฝน : ใช่ๆ เหมือนมันนานมาก
แน็ต : เป็นเรื่องปกติ เมื่อก่อนตอนไทนนี้มาบ้านแน็ตเขาก็เห่า เขาอยู่ตัวคนเดียวไม่ได้ เพราะอยู่กับเจ้าของเก่าเขามีคนตลอดเวลา เขาไม่เคยต้องอยู่คนเดียวเลย มาวันแรกแน็ตจับยัดใส่กรงแล้วแน็ตก็เดินออกไปเลย มันก็เห่าๆๆ โชคดีคือบ้านแน็ตอยู่ที่ไร่ รอบบ้านแน็ตมันไม่มีคน มันเลยฝึกแบบนี้ได้ นึกออกไหม? แต่ถึงแม้ว่ารอบบ้านเราจะมีคน เราก็เดินไปคุยกับเขาก่อนก็ได้ เราขอโทษเขาก่อนว่า เออ เหตุการณ์มันเป็นแบบนี้ๆนะคะ เสียงดังหน่อยนะ ขออภัย เพราะ ถ้าฝึกได้ตั้งแต่วันแรกครั้งแรกเลยเนี่ย ตอนเย็นมันจะง่ายขึ้น นั่นคือให้เขาเข้าไปในกรง เสร็จแล้วก็เพิกเฉยเลย ตั้งนาฬิกาเลย ดูซิว่ามันเห่ากี่นาที ถ้ามันเห่า 10 นาทีแล้วมันเงียบ พอมันเงียบนะ เราก็โอเค ดูนาฬิกาอีก ถ้าสัก 2-3 นาทีมันยังเงียบอยู่ อันนี้เดินไปปล่อยออกได้ละ หมาก็จะเรียนรู้ว่า อ๋อ ที่ยัยนี่มาปล่อยฉันเนี่ย เพราะฉันเงียบนะ
ฝน : โอเค
แน็ต : แต่ถ้าเราเดินไปถึงกรงหมาปุ๊บ เราจับกรงหมา หมากระโดด หมาดิ้น หมาร้องครวญคราง ก็อย่าไปปล่อยจากกรง เพิกเฉยไปซะ ทำแบบนี้ซ้ำๆ พอปล่อยเขาออก มาให้เขาวิ่งเล่นสัก 5 นาที 10 นาที เสร็จแล้วจับยัดกรงใหม่อีกรอบ
ฝน : อืม
แน็ต : เสร็จแล้วก็ตั้งนาฬิกาเลย ทีนี้ถ้าทำถูกต้องเนี่ย จาก 10 นาที เวลามันก็จะลดลงๆ จากที่โซยวายจนถึงไม่โวยวาย แต่ทุกครั้งที่เอาเขาเข้ากรงเนี่ย ให้อะไรเขาหน่อย ให้กระดูก ให้อาหาร ให้อะไรให้เขาเล่น อย่างน้อยให้เขารู้ว่าอย่างน้อยการอยู่ในกรงมันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนะ ถึงฉันจะอยู่ในกรงฉันก็ได้อะไรบางอย่าง ประมาณนั้น ลองดูนะคะ ได้ผลอย่างไรว่ามาอีกที